ภายหลังที่มีผมได้อธิบายศัพท์ต่างๆที่เกี่ยวกับ SocialMedia Marketing ไปแล้ว ปรากฏว่ามีคนให้ความสนใจถามคำถามเกี่ยวกับแวดวงนี้เข้ามาพอสมควรครับ ซึ่งคงจะมีต้นเหตุจากกระแสของ e-commerce ที่กำลังกระปรี้กระเปร่ามากมายในปีนี้ ทั้งจากการบุกจากบริษัทชนชาติไทยแล้วก็กรุ๊ปบริษัทต่างประเทศ ทำให้คนกลับมาตื่นตัวประเด็นการโฆษณาเว็บไซท์รวมทั้งช่องทางวิธีขายทางอิเล็กทรอนิกส์กันอีกที
โดยเหตุนี้ ฉบับนี้ผมก็เลยอยากะขออนุญาติพูดถึงการตลาดออนไลน์ต่ออีกสักหนึ่งครั้ง โดยฉวยโอกาสชี้แจงลักษณะการตลาดใหญ่ๆที่ผมพบว่าคนมักจะงวยงงกันบ่อยๆเวลาผมมีโอกาสได้สอนหรือเสนองานให้กับลูกค้าขอรับ ซึ่งก็คือคำว่า “SEO” แล้วก็ “SEM”
สำหรับท่านที่เคยให้ความสนใจเรื่องการตลาดออนไลน์นั้น บางทีอาจจะเคยทราบคำว่า “SEO” อยู่บ้าง โดย “SEO” นั้นเป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า “Search Engine Optimization” นั่นเองซึ่งแม้จะแปลตรงตัวแล้ว เพื่อให้ความหมายถูกนั้น จริงๆต้องจัดคำพูดใหม่เป็น “Optimization for Search Engines” ซึ่งจะสามารถแปลตรงตัวได้ว่า “การปรับทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นสำหรับ Search Engine”
คำว่า “Search Engine” นี้เป็นเว็บไซท์ที่ใช้ในลัษณะของการหาเว็บไซท์อื่นๆหรือที่ที่ได้รับความนิยมสุดในตอนนี้ซึ่งก็คือGoogle นั่นเอง โดยมีคู่แข่งขันยอดนิยมด้อยกว่าลงมาเป็น “Bing” ของ Microsoft หรือ “Baidu” ของจีน“Naver” ของประเทศเกาหลี “Yandex” ของรัสเซีย
ในโลกที่มีเว็บไซท์มากมายก่ายกอง กรรมวิธีที่ Search Engine กลุ่มนี้ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลว่ามีเว็บไซท์อะไรบ้างรวมทั้งแต่ละเว็บไซท์มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับอะไรบ้าง เพื่อสามารถแสดงผลการค้นหาให้กับผู้ใชได้นั้น ได้แก่การใช้โปรแกรมที่เรียกว่า “Crawler” กระทำการ “ไต่” หาเว็บไซท์ต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลกโดยอัตโนมัติ เพื่อกระทำอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซท์ว่ามีเนื้อหาอะไร และแต่ละเว็บไซท์นั้นควรจะได้รับจุดสำคัญแค่ไหน ผ่านระบบการประเไม่ณผลพิเศษของแต่ละบริษัท
ดังนี้ เหตุเพราะในขณะนี้นั้น วิธีการหาข้อมูลหรือเว็บไซท์ที่น่าสนใจที่ที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือการ “Search” หรือ “ค้นหา” ผ่าน “Search Engine”เหล่านี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว “SEO” นั้นจึงหมายคือการปรับรายละเอียดแล้วก็โครงสร้างเว็บไซท์ให้ “Search Engine” สามารถอ่านรายละเอียดเราได้ง่าย และทำให้เว็บไซท์พวกเราติดอันดับสูงๆเมื่อมีคนทำการ “Search” รายละเอียดที่เรารู้สึกว่าตรงกับรายละเอียดเว็บไซท์พวกเรานั่นเอง
แน่ๆว่าเว็บไซท์ที่ติดอันดับสูงๆใน Search Engine นั้นจะได้รับการเข้าชมจากผู้ใช้อินเตอร์เน็ท (“traffic”) ในจำนวนหลายชิ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรก็แล้วแต่ทำให้คนที่เป็นเจ้าของเว็บแต่ละที่นั้นอยากได้ที่จะทำ SEO เว็บไซท์ตนเองให้ติดอันดับสูงๆกระทั่งกำเนิดเป็นแวดวงผู้ประกอบอาชีพ SEO รับจ้างทำSEO ให้เว็บไซท์ต่างๆมากมายก่ายกอง เพื่อให้คนสามารถศึกษาและทำการค้นพบเว็บไซท์ตนเองได้เมื่อเขาทำการ “Search”โดยใช้คำพูด (“keywords”) ที่เกี่ยวเนื่อง ยกตัวอย่าได้แก่ แม้พวกเราเป็นร้านค้าขายเฟอร์นิเจอร์ เราก็น่าจะอยากได้ให้เว็บไซท์ของเราติดอันดับสูงๆเมื่อมีคนค้นหาด้วยคำว่า “เฟอร์นิเจอร์”หรือ “ร้านค้าขายเครื่องเรือน” เป็นต้น
ดังนี้วิธีการทำ SEO หลักๆมีสองแบบ แบบอันดับแรกเป็นการมีโครงสร้างเว็บไซท์ที่ดี ซึ่งขึ้นอยู่กับการออกแบบรายละเอียดเว็บไซท์ และการพัฒนาโปรแกรมที่ดี ทำให้ crawler ของ Search Engine สามารถเข้าถึงรายละเอียดได้อย่างระมัดระวังซึ่งก็เปรียบได้กับการทำหนังสือหรือนิตยสารที่อ่านได้เข้าใจง่าย เป็นการคิดตั้งแต่ตอนทำเนื้อหา แล้วเมื่อตีพิมพ์บนเว็บไซท์ก็สามารถปลดปล่อยให้ Search Engine ตรึกตรองต่อเอง
ส่วน SEO อีกแบบนึงนั้น เป็น SEO ที่มักจะทำกันเป็นทุกเดือนหรือต่อเนื่อง โดยเรียกกันว่าเป็นการ “ปั่น” เว็บ โดยว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เป็นคนทำ โดยผู้เชี่ยวชาญนั้น จะมีความสามารถว่า Search Engine แต่ละที่นั้น ใช้ระบบตรรกะอะไรที่อยู่ในการวัดจุดสำคัญของเว็บไซท์แต่ละเว็บไซท์ และก็จะใช้มายากลกลยุทธ์ต่างๆจากตรรกะนี้ เพื่อเว็บไซท์เรานั้นติดอันดับสูงมากขึ้นๆเร็วทันใจกว่าที่มันบางทีอาจจะควรเป็นตามธรรมดา (ตัวอย่างการ“ปั่น” ในสมัยก่อนที่ระบบตรรกะของ Search Engine ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ราวกับเวลานี้คือ การที่ชาวต่างประเทศปั่นเว็บไซท์ของประธานธิปดี George W. Bush ให้ติดลำดับต้นๆเมื่อมีคน Search คำว่า“Stupid” ใน Google)
วิธีการทำ SEO แบบแรกนั้น เป็นการทำโดยบางทีอาจจะเสียเพียงแค่ค่าใช้จ่ายในตอนทำเว็บไซท์ แต่ว่าไม่ต้องเสียถัดไปเมื่อทยอยทำรายละเอียดเว็บอย่างสม่ำเสมอ แม้กระนั้นวิธีการทำ SEO แบบลำดับที่สองนั้น เป็นค่าครองชีพที่ต้องทำตลอดเนื่องจากว่าคล้ายกับเป็นการเกมระบบของ Search Engine ซึ่งตัว Search Engine นั้นก็จะทำการปรับตรรกะระบบเพื่อไม่ให้สามารถถูกเกมได้อยู๋ตลอดเวลา
อย่างไรก็แล้วแต่ แท้จริงแล้ว SEO นั้นมิได้เป็นกรรมวิธีหาผู้เข้าชมจาก Search Engine เพียงแต่แนวทางเดียว เนื่องจากตัว Search Engine แต่ละที่ โดยเฉพาะ Googleนั้น มีพื้นที่ให้คนลงประชาสัมพันธ์ โดยจะทำขึ้นโฆษณาเมื่อมีคนใส่คำค้นหาที่เราได้กำหนดไว้ ซึ่งการลงโปรโมทอย่างนี้นั้น จะเรียกว่าเป็น “Search Engine Marketing” หรือ “SEM” นั่นเอง
ค่าใช้สอยในการลงโปรโมทนั้น จะขึ้นตามปริมาณการคลิกเข้ามาชมเว็บไซท์ของผู้เข้าชมเท่านั้น โดยราคาต่อคลิก (“Cost Per Click” หรือ “CPC”) นั้นจะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับว่ามีคนอยากลงประชาสัมพันธ์เมื่อมีผู้ใช้ทำการค้นหาคำพูด (keywords) เดียวกันกับที่พวกเราต้องการเยอะแค่ไหน แม้เป็นคำพูดที่กว้างๆอย่าง “เฟอร์นิเจอร์” แล้ว ค่าใช้จ่ายก็ชอบแพง แต่หากเป็นคำเฉพาะทางอย่าง “เครื่องเรือนไม้สัก” ราคาก็จะถูกลง และตรงต่อกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเรื่อยๆด้วย
อย่างไรก็ดี หลายๆครั้ง เจ้าของเว็บไซท์จะทุ่มรายจ่ายไปกับกระบวนการทำ SEO รายเดือนแทนที่จะทำ SEM เพราะเหตุว่าเป็นความคิดส่วนตัวว่าการลงโฆษณานั้นไม่น่าจะสำเร็จ อาจเพราะว่าตนเองมีนิสัยเกลียดคลิกคำโฆษณา หรือจ่ายค่าSEO กระทั่งลืมตัวแล้วก็คิดไปว่า ที่จริงแล้วเปลี่ยนงบประมาณมาจ่ายลงประชาสัมพันธ์แบบ SEM อาจทำให้สามารถคุมค่าใช้จ่ายได้เพิ่มมากขึ้น และก็ได้ keywords ที่หลายๆคำกว่าก็เป็นไปได้ เพราะค่าครองชีพในการว่าจ้างผู้ที่มีความชำนาญทำ SEOนั้นก็ไม่ได้ถูกนัก
จากประสบการณ์ของผมแล้ว SEO นั้น ก็เปรียบได้กับพวกเราส่งคนเข้าไปในกองผู้คนเพื่อให้พูดถึงและชี้แนะสินค้าของพวกเรา ซึ่งจะสร้างกระแสได้ แต่หากคำพูดที่เราส่งไปนั้น ไม่เป็นไปตามที่คนทั่วๆไปเขาคิดจริงๆก็บางทีอาจส่งผลกระทบกลับมา และก็ยังจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสม่ำเสมอในการคอยส่งคนไปเพื่อไม่ให้กระแสตายลงอีกด้วย ต่างกับ SEM ที่เป็นเสมือนการใช้ Marketing Tools รวมทั้ง MarketingChannels ปกติ เพื่อคนพอใจ และเกิดกระแสตามธรรมชาติของมันเองมากกว่า
อย่างไรก็แล้วแต่ สุดท้ายแล้ววิธีการทำ SEO และก็ SEMนั้น ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการจะใช้เว็บไซท์เป็นช่องทางการค้าหรือช่องทางการโปรโมทอย่างเป็นจริงเป็นจังทั้งสอง จึงเกิดเรื่องที่ควรศึกษาค้นคว้าและทำความเข้าใจเพิ่มเติมอีกเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเลือกเส้นทางการเดินที่เหมาะสมกับธุรกิจของพวกเราให้ได้ครับผม
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
สอน seoTags : เรียน seo