"ปัทมา"จ้างโค้ชอิเหนาคุมขนไก่ไทย 4 ปีคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้บรรลุข้อตกลงกับ เร็กซี ไมนากี อดีตแชมป์ชายคู่โอลิมปิกเกมส์ 1996 ที่แอตแลนตา ชาวอินโดนีเซีย มาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนนักแบดมินตันทีมชาติไทย ด้วยสัญญาแบบปีต่อปีเป็นระยะเวลา 4 ปี โดยจะทำงานร่วมกับผู้ฝึกสอนชาวไทย กฤติน กฤตานุกูลย์, ปฏิพัทธ์ ฉลาดแฉลม, นิติพงษ์ แสงศิลา และ สราลีย์ ทุ่งทองคำ พร้อมกับหาโค้ชประเภทเดี่ยวเข้ามาดูแลนักกีฬาเพิ่มอีก เพื่อเป้าหมายในการคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิกเกมส์ 2020ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ไทยลีก 2017/ใบเฟิร์น
ศึกไทยลีก กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากปีก่อนๆ มาในปีนี้หลายๆ ทีมเริ่มแข็งแกร่งขึ้น เหมือนกับว่าวง 7-8 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงของการคัดให้มีแค่ทีมเจ๋งๆ แข็งๆ เหลือคงไว้ใน “ไทยลีก” ลีกสูงสุดของเมืองไทยปีที่ผ่านมา ไทยลีก แข่งไม่จบตามโปรแกรม แต่ก็ได้ทีมแชมป์อย่างเป็นทางการคือ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ส่วนคู่ปรับอย่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผิดฟอร์ม จบที่ 4
ช่วงปิดซีซั่น ทุกทีมก็ขยับปรับทัพกันคึกคัก ที่เป็นข่าวฮือฮาคงเป็นการกระชากตัว “ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ของเชียงราย ยูไนเต็ด จากทีมเก่า เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยราคาค่าตัว 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเสริมทีมอีกนับสิบคน
เรียกได้ว่ายกเครื่องใหม่ พร้อมประกาศชัดเจนว่าเป้าหมายคือการเป็นแชมป์ลีกสูงสุด และได้ไปเล่นฟุตบอลถ้วยเอเชีย ให้ได้ภายใน 3-5 ปี
จากการที่
เชียงราย ยูไนเต็ด เดินหน้าท้าชน แสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลลีกอาชีพของไทย กำลังเริ่มต้นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากทีมระดับองค์กร ที่เคยเป็นมหาอำนาจมากมาย ค่อยๆ กลายมาเป็นทีมจากเอกชน และทีมจากต่างจังหวัด เริ่มขยับตัวมากขึ้น
จากอดีตที่การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก แทบทุกทีมจะกระจุกตัวอยู่แค่ในเขต กรุงเทพ และปริมณฑล แต่ช่วง 5 ปีหลังนี้ สโมสรในไทยลีกเริ่มกระจัดกระจายออกไปยังภูมิภาคทั่วประเทศ
ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดๆ ทีมที่เด่นๆ ในแต่ละภาคก็มี เชียงราย ยูไนเต็ด ในภาคเหนือ โซนอีสานก็มีเจ้าถิ่นขาใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, นครราชสีมา มาสด้า, ศรีสะเกษ เอฟซี และน้องใหม่อย่าง อุบล ยูเอ็มที
ขณะที่โซนตะวันตก ราชบุรี มิตรผล สร้างความโดดเด่น และกลายเป็นทีมชั้นนำของประเทศได้ในเวลาอันรวดเร็ว ด้านตะวันเออกก็มี ชลบุรี เอฟซี ครองอำนาจลูกหนังอยู่แล้ว ส่วนในกรุงเทพฯ ก็มีทีมใหญ่ที่ต่อสู้กันทั้ง เมืองทอง, แบงค็อก ยูไนเต็ด และ
บางกอกกล๊าสในปี 2017 ไทยลีกยังคงมีจำนวนทีมเข้าร่วมอยู่ที่ 18 ทีม ก่อนที่แผนงานในปี 2018 จะลดลงเหลือ 16 ทีม อันนี้ผมเห็นด้วย หากทีมเยอะ แต่คุณภาพของทีมต่างกันเกินไป การแข่งขันมันจะไม่สนุก แต้มระหว่างครึ่งบน กับครึ่งล่างของตาราง จะห่างกันเกินไป
สำหรับฤดูกาลใหม่นั้น แน่นอนการแข่งขันเข้มข้นขึ้น ทีมกลุ่มลุ้นแชมป์ยังคงเป็น 4-5 ทีมเดิมจากปก่อนๆ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะมีทีมม้ามืดที่จะฟอร์มพุ่งขึ้นมาทาบรัศมีได้หรือไม่ เหมือนกับที่ สุโขทัย เอฟซี ทำได้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
พูดถึงสุโขทัยแล้ว ปีนี้น่าสนใจว่าพวกเขาจะสามารถมีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมเหมือนเคยหรือไม่ โดยการแข่งขันไทยลีก 2017 มีสื่อกีฬาออกมายกให้ “กว่างโซ้ง” เชียงราย ยูไนเต็ด เป็นเต็ง 1 ในการคว้าแชมป์ เหตุผลจากการเสริมทัพที่น่ากลัว แต่ความแข็งแกร่งยามลงเล่นในบ้าน โดยเต็งสองเป็น
“ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่วนแชมป์เก่า “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นเต็งสามเท่านั้น
ส่วนเต็งตกชั้น ซูเปอร์พาวเวอร์ สมุทรปราการ ถูกยกให้เป็นเต็งจ๋าที่จะต้องชั้นทีมแรก เนื่องด้วยปัญหาด้านการเงิน และไม่สามารถขายทีมได้ในช่วงที่ผ่านมา อีกสองทีมที่ถูกมองว่าจะต้องตกชั้นคือ อุลบล ยูเอ็มที น้องใหม่ไทยลีก และราชนาวี
ด้านตัวแทนของไทยในการไปลงเล่นในเวที เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ประกอบด้วย 3 ทีม คือเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เข้ารอบแบ่งกลุ่มแล้ว อีกสองทีม แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ สุโขทัย เอฟซี ต้องเพลย์ออฟ รอบสอง และสามก่อน
การคัมแบ็กกลับมาของ เมืองทอง ในรายการระดับเอเชียนั้น คือสิ่งที่ผู้บริหาร และแฟนบอลต้องการ แต่คงอยากเห็นทีมไปได้ไกลกว่าการเป็นทีมแจกแต้ม อย่างน้อยคือผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปให้ได้
ปีนี้
ขุมกำลังของเมืองทอง ถือว่าแข็งแกร่งทุกด้าน จากผลจับสลากแบ่งกลุ่มที่ออกมา บอกได้ว่ายังมีลุ้นเข้ารอบ แต่คงไม่ถึงแชมป์กลุ่ม
ส่วนอีก 2 ทีม ถือว่างานหนัก เพราะรอบเพลย์ออฟรอบ 3 นั้น นอกจากต้องออกไปเยือนแล้ว ยังเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากๆ ฉะนั้นคงต้องโฟกัสที่รอบสองให้ผ่านให้ได้ก่อน โดยแบงค็อก ยูไนเต็ด มีลุ้นทะลุเข้ารอบแบ่งกลุ่มมากกว่า
ส่วนสุโขทัย ที่ได้โควตา เป็นประวัติศาสตร์ของสโมสร อาจจะไปเล่นเพื่อเป็นการเก็บประสบการณ์ เพราะประเมินแล้ว เกรดบอลยังสู้กับคู่แข่งนอกประเทศได้ยาก
แต่นับจากตอนนี้ยังพอมีเวลาให้กับแต่ละทีมในการเสริมทัพ ซึ่งอาจทำให้ขนาดของทีม และความน่ากลัวมีมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาซื่อขายนักเตะไทยในปัจจุบันถือว่าแพงเกินไปจริงๆ หากไม่อยากเห็นการผูกขาดของทีมที่มีเงินหนา น่าจะมีมาตรการในการป้องกันไว้บ้างก็ดีครับ
อีกราว 2 เดือนฟุตบอลลีกจะเปิด ช่วงนี้ลุ้นกันว่าทีมรัก ทีมเชียร์ของคุณ จะเสริมใคร หรือจะขายตัวหลักออกไปบ้าง
ขอให้มีความสุขกับฟุตบอลไทยลีกในปี 2017 ครับ