การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัช / เภสัชวิทยา แอล์-คาร์นิทีน มีผลต่อการลดน้ำหนักโดยจาการค้นคว้ากลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 13 – 17 ปี ซึ่งได้รับ แอล- คาร์นิทีนจากอาหารและออกกำลังกายเหมือนกัน แต่กลุ่มทดลองจะได้รับแอล-คาร์นิทีน 2 กรัม ต่อวัน เป็นประจำทุกวัน ซึ่งพบว่ากลุ่มทดลองมีน้ำหนักลดลง 5 กิโลกรัม และกลุ่มควบคุมลดลง 0.88 กิโลกรัมทั้งนี้เนื่องมาจากประโยชน์ของแอล-คาร์นิทีนที่มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญไขมันและมีสารที่สำคัญในการลดน้ำหนักเมื่อทานในปริมาณที่เหมาะสม สอดคล้องกับ Arsenian MA. ทำการค้นคว้าผู้ที่มีภาวะไขมันผิดปกติในร่างกายและโรคเบาหวานหลังจาก 4 เดือนพบว่าระดับคอเลสเตอรอลและไตกรีเซอร์ไรด์ลดลงตามลำดับ 20 เปอร์เซ็นต์และ 28 เปอร์เซ็นต์และความเข้มข้นของคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL-C) เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์
การศึกษาถึงผลการรับประทานแอล-คาร์นิทีนต่อระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดไม่ปกติและเพื่อวิจัยผลการทานแอล-คาร์นิทีนเทียบกับการรับประทานแอล-คาร์นิทีนร่วมกับไนอาซิน ต่อระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติโดยศึกษาในอาสาสมัครจำนวน 43 คน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่1 ให้รับประทานยาหลอก กลุ่มที่2 ให้ทานแอล-คาร์นิทีน 3 กรัม/วัน กลุ่มที่ 3 ให้ทานแอล-คาร์นิทีน 3 กรัม ร่วมกับ ไนอาซิน 250 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ทำการประเมินระดับ ไขมันในเลือดก่อนและหลังการกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลการศึกษาพบว่า การรับประทานแอล-คาร์นิทีนนเพียงอย่างเดียว พบว่า ระดับของคลอเลสเตอรอลรวม ไตรกลีเซอไรด์และคลอเลสเตอรอลดีไม่เปลี่ยนแปลง แต่ระดับของคลอเลสเตอรอลไม่ดีสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีค่า 110.40±14.56 และ 128±16.50 (p =0.001) เนื่องมาจากงานค้นคว้านี้ไม่ได้ให้ผู้ร่วมหาควบคุมอาหาร ส่วนการรับประทานแอล-คาร์นิทีนร่วมกับไนอาซิน พบว่าระดับคลอเลสเตอรอลรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีค่า 225.80±25.46 และ 200.33±42.80 (p=0.015)สรุปได้ว่า การทานแอล-คาร์นิทีนไม่ช่วยลดระดับไขมันในเลือด แต่ยังเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลไม่ดีในเลือด แต่การกินแอล-คาร์นิทีนร่วมกับไนอาซิน สามารถลดระดับ คลอเลสเตอรอลรวมในเลือดได
ข้อแนะนำ / ข้อควรระวังในการใช้แอล-คาร์นิทีน หากรับประทานเกินที่กำหนด อาจเกิดอาการบวม เป็นตะคริว หรือท้องเสียได้ เนื่องจากในอาหารที่เรารับประทานมีส่วนผสมของแอล-คาร์นิทีน ผสมปะปนอยู่โดยธรรมชาติ ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น มีกลิ่นตัว และเกิดอาการผื่นแดง สำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่ออาหารโปรตีน เช่น ไข่ นม หรือข้าวสาลี ไม่ควรทานผลิตภัณฑ์ที่เสริมแอล-คาร์นิทีนเป็นอันขาด รวมถึงคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ และไต เด็กที่มีอายุยังไม่ถึง 2 ขวบ และสตรีมีครรภ์ก็ควรหลีกเลี่ยง คนที่ทานยากันชัก จะสูญเสียคาร์นิทีนมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทานคาร์นิทีน ในรูปของ แอลคาร์นิทีนเสริม ไต ผลิตกรดอะมิโนคาร์นิทีน แต่หากไตเสื่อมจะขาดคาร์นิทีน จึงควรได้รับ คาร์นิทีนเสริม
ขนาดรับประทานแอล-คาร์นิทีน เนื่องจากแอล-คาร์นิทีน เป็นสารที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง และพบได้ในอาหารหลายๆชนิด จาการทดสอบหาค่า ความเป็นพิษ Lathal dose (LD) ของแอล-คาร์นิทีน ในหนู พบว่ามีค่าเท่ากับ 8.9 – 9.1 กรัม / กิโลกรัมหรือเทียบเท่ากับขนาดในคนคือ 630 กรัม / วัน อย่างไรก็ตามการทานแอล-คาร์นิทีน ในขนาดมากกว่า 4 กรัม / วัน จะส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองในทางเดินอาหารได้ ดังนั้นปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน คือ 2 กรัม / วัน
การทานแอล-คาร์นิทีน ในขนาดที่เหมาะสมคือ 2 กรัม / วัน จะช่วยให้กล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพการทำงานและเกิดเมแทบอลิซึมโดยเฉพาะ fatty acid oxidation ได้เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการนำไปใช้ในระยะยาวเพื่อหวังผลในการเสริมสร้างกำลังของนักกีฬายังต้องมีการศึกษาต่อไป
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
สรรพคุณของแอล-คาร์นิทีน