รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้ของชะพลู วิธีใช้ตามภูมิปัญญาไทย- แก้เบาหวาน เอาต้นชะพลู ทั้ง 5 (เอาทั้งต้นตลอกถึงราก) มา 1 กำมือ พับเป็น 3 ทบใช้ ตอกไม้ไผ่มัดเป็น 3 เปราะ ใส่หม้อดินต้มกับน้ำ 3 ขัน เคี่ยวเหลือ 1 ขัน รับประทานครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร ได้ผลชะงัดหรือจะเอาใบชะพลูทั้งต้นและใบ 9 ต้น ล้างน้ำให้สะอาด ใส่ในภาชนะพร้อมด้วยน้ำ 2 ถ้วยแก้ว ต้มเคี่ยวให้เหลือครึ่งถ้วยแก้ว กินให้หมดก่อนอาหารเย็น โดยรับ กิน 15 วันต่อครั้ง เมื่อ กินไปได้ 2 ครั้ง ภายใน 30 วันแล้ว ลองไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์กรวดน้ำปัสสาวะ หากปกติให้หยุด ถ้ายังมีน้ำตาลในปัสสาวะให้ต้ม อุปโภคต่อ
- ยาแก้โรคถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ เอาเปลือกหอยแครง 7 ฝา (เผาไฟให้เป็นขี้เถ้า) กับต้นชะพลูทั้ง 5 นำมาย่างไฟให้กรอบ ตำผสม กันให้ละเอียด ใช้ชงกับน้ำร้อน บริโภคต่างน้ำชามี คุณสมบัติแก้โรคถ่ายปัสสาวะบ่อยๆได้ผลชะงัด
- แก้ขัดเบา เอาต้นแจงทั้ง 5 หนัก 3 ตำลึง ชะพลู หนัก 3 ตำลึง แก่น ไม้สัก 3 ตำลึง ตัวยาทั้ง3 นี้ ใส่หม้อดิน กับน้ำ 3 ส่วน ต้มเคี่ยว ให้เหลือ 1 ส่วน ใช้น้ำยา อุปโภค เช้า-เย็น แก้ขัดเบาได้ผลชะงัก
- เจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับเสมหะ นำใบชะพลูมาจิ้มน้ำพริก หรือกะปิหลน น้ำพริกปลาป่น หรือจะนำใบชะพลูมาทำเมี่ยงคำ กินวันละ อย่างน้อย ๗ ใบ ทุกวัน จะทำให้ธาตุปกติ เจริญอาหาร ขับเสมหะได้ดี
- แก้โรคเส้นเลือดในร่างกายแข็ง ซึ่งโรคดัง 18 กล่าวมีคนเป็นกันมาก เมื่อเป็นแล้วทำให้เลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงหัวใจและสมองมีปัญหา ก่อให้ เกิดอาการเส้นโลหิตแตกหรือหัก เสียชีวิตได้ โดยเอา "ชะพลู" ทั้งต้นรวมราก ปริมาณ3 ต้น ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ตัก ดื่มครั้งละครึ่งแก้ว เช้าเย็น ดื่มจนตัวยาจืดแล้วเปลี่ยนยาใหม่ กินให้ครบ 15 วัน จึงหยุด จากนั้นไปให้แพทย์ตรวจดู จะพบว่าอาการที่เป็นจะหายไป โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ
- แก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลม ใช้ราก 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 1/2 ถ้วยแก้ว กินครั้งละ 1/2 ถ้วยแก้ว
- แก้บิด ใช้รากครึ่งกำมือ ผล 2-3 หยิบมือ ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ 1/4 ถ้วยแก้ว
ฤทธิ์ทางเภสัช ในภาคใต้ของประเทศไทยได้มีการนำสารสกัดน้ำของต้นชะพลูมาใช้ในการ เยียวยาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งพบว่าถ้าให้น้ำสกัดหยาบของต้นชะพลูกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาจลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ นอกจากนี้ จากผลการ ค้นพบพบว่าสารสกัดน้ำจากต้นชะพลู ในขนาด 0.125 ก./ กก. ป้อนวันละ 1 ครั้ง นาน 7 วัน สามารถลดน้ำตาลในเลือดของหนูเบาหวานได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
การค้นพบผลของสารสกัดจากใบชะพลูต่อฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลกลูโคส ในเลือดในหนูเมาส์เบาหวานเพศผู้ สายพันธ์ ICR อายุ 6-7 สัปดาห์ น้ำหนักตัว 30-40 กรัม ที่ถูกชักนำให้เกิดเบาหวานด้วยสารสเตรปโตโซโทซิน พบว่ากลุ่มที่ได้รับสารสกัดใบชะพลูขนาด 60 และ 100 มิลลิกรัม /100 กรัม น้ำหนักตัว เป็นเวลา 21 วัน มีระดับกลูโคสในเลือดลดลง คิดเป็นประสิทธิภาพฤทธิ์ลดน้ำตาลร้อยละ 8.11 และ 171.46 ของยาไกลเบนคลาไมค์ ขนาด 1 มิลลิกรัม/100 กรัมน้ำหนักตัว สอดคล้องกับผลเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลินร้อนละ 8.25 และ 50.53 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับกลุ่มเบาหวานควบคุม นอกจากนั้นผลการตรวจสอบจุลกายวิภาคของตับอ่อนพบว่ามีการฟื้นฟูกลุ่มเซลล์ในไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ ของกลุ่มที่ได้รับสารสกัดใบชะพลูขนาด 100 มก./100 กรัมน้ำหนักตัว
สรุปได้ว่าสารสกัดใบชะพลูมีฤทธิ์ลำน้าตาลในเลือดโดยมีผลเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน และฟื้นฟูเซลล์ในไอส์เลตของหนูเบาหวาน สาร 1 – allyl – 2, 6 – dimethoxy – 3, 4 – methylenedioxybenzene จากชะพลูมีฤทธิ์ต้านเชื้อ Escherichia coli และ Bacillus subtilis และสาร sitosterol อาจออกฤทธิ์ต้านการเกิดเนื้องอกได้
การศึกษาทางพิษวิทยาของชะพลู จากการศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดชะพลูในหนูขาวและหนูถีบจักรพบว่ามีค่า LD₅₀ มากกว่า 5 ก./ กก. และจากการ วิจัยความเป็นพิษแบบเรื้อรังของสารสกัดชะพลู โดยการป้อนสารสกัดชะพลูขนาด 0.5,1 และ 2 ก./กก. ในหนูขาวทั้งเพศผู้ชะพลูว่า มีค่า total bilirubin , total protein , creatinine และ BUN สูงกว่ากลุ่มควบคุม ส่วนในหนูเพศผู้พบว่ากลุ่มที่ป้อนสารสกัดชะพลูในขนาด 1 และ 2 ก./กิโลกรัม มีค่า glucose ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม และกลุ่มที่ป้อนสารสกัดชะพลูในขนาด 2 ก./กิโลกรัม มีค่า AST สูงกว่ากลุ่มควบคุม แต่จากการตรวจพยาธิสภาพของเนื้อเยื่อของตับและไต ทั้งในหนูขาวเพศผู้และเพศเมีย
แสดงว่าสารสกัดชะพลูไม่มีผลทำลายตับและไตในหนูขาวทั้ง 2 เพศ แต่พบการเกิด hyper plasia ของ islet of Langerhann ในหนูเพศผู้ 1 ตัว จาก 6 ตัวที่ได้รับสารสกัด
ชะพลูในขนาด 0.5 ก./กิโลกรัม และพบการเกิดเนื้องอกอย่างไม่ร้ายแรง (adenoma) ที่ตับอ่อนในหนูเพศเมีย 1 ตัว จาก 6 ตัวที่ รับสารสกัดชะพลูในขนาด 2 ก. กิโลกรัม