รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: ความหมายของสมุนไพรโกษฐ  (อ่าน 67 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

bilbill2255

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 43
    • ดูรายละเอียด
ความหมายของสมุนไพรโกษฐ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2017, 08:50:41 AM »

Permalink: ความหมายของสมุนไพรโกษฐ

[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพรพิกัดโกษฐ์[/url][/size][/b]
โกรธเป็นพิกัดเครื่องยาหมู่หนึ่งที่ใช้มากมายในไทย แบบเรียนโบราณเขียนชื่อพิกัดยาพวกนี้แตกต่างออกไปหลายแบบ ในศิลาจารึกแบบเรียนที่วัดราชบุตรชายสาราม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (แต่ครั้งพระองค์ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าลูกยาคุณ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์) ได้โปรดกรุณาเกล้าให้จารึกไว้เป็นวิทยาทาน เมื่อทรงซ่อมแซมวัดนี้ใน พุทธศักราช ๒๓๖๔ ถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ปรากฏชื่อพิกัดเครื่องยาไทยหมู่นี้เป็น โกด ทั้งปวง ดังเช่น (พิมพ์ตาอักษรที่ปรากฏในแผ่นจารึก) ถ้าเกิดบุทคลใครกันแน่เจ็บป่วยเพื่อเสมหะ ปิตะ วาตะ สมุถานก็ดี ทำให้หิวโหยหาแรงไม่ได้ ให้ระลอตเตอรี่ไป ให้ใจขุ่นหมองไม่ได้ชื่น ให้สวิงสวายหากำลังมิได้  ถ้าจะเอายานี้แก้ ยาชื่อมหาสมมิตร เอาโกดห้า เทียรห้า ตรีผลา จันทังสอง ลูกจัน ดอกจัน มือวาน กานพูล ขิงแห้ง ดีปลี แห้วหมู ไคร้เครือ เกษรบัวหลวง เกษรสารภี เกษรบัวเผื่อน เกษรบัวขม ดอกคำ ดอกผักตบ ดอกพิกุน เกสรบุนนาค ดอกสลิด สักขี ชลูด อบเชย ชะเอม ปัญหา ชะมดเชียง พิมเสน เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาดีงูงูเหลือม เช่น้ำดอกไม้ประสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ก็ได้ น้ำตาลทรายก็ได้ น้ำค้างคืนก็ได้ รับประทานแก้รส่ำรสายแลดับพิษไข้ทั้งผอง ทำให้คลุ้มคลั่งให้เพ้อให้เชื่อมให้มัว แก้ลิ้นกระด้างคางแข็ง แลบำรุงกำลังยิ่งนักฯ
ส่วนแผ่นจารึกตำราเรียนที่วัดพระเชตุพนสะอาดมังคลาราม(วัดโพธิ์) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้จารึกไว้เพื่อเป็นวิทยาทาน คราวที่ทรงซ่อมแซมบูรณะใหญ่เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๕ รวมทั้งคณะอาจารย์สถานที่เรียนหมอแผนโบราณได้สะสมจัดพิมพ์เป็นเล่มเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๐๕  ในหนังสือเรียนยาฯนี้บันทึกชื่อเครื่องยาในหมู่นี้เป็น โกฐ ทั้งสิ้น ดังเช่นแผ่นจารึกที่ศาลา ๗ เสา ๖  แผ่น ๔ ดังนี้
ปุนะจะปะรัง ลำดับนี้จะกล่าวด้วยนัยหนึ่งใหม่ ว่าด้วยลักษณะสันนิบาตอันบังเกิดเพื่อดีรั่วนั้นเป็นคำรบ ๔  เมื่อจะบังเกิดขึ้นแก่บุคคลใดดีแล้ว ก็ทำให้ลงดุจรับประทานยารุ มูลนั้นเหลืองดังน้ำขมิ้นสด ให้เคลิบเคลิ้มไปหาสติไม่ได้ แลให้หิวโหยนัก บริโภคอาหารไม่อยู่ท้อง ให้สวิงสวาย ให้แน่นหน้าอกเป็นอย่างยิ่ง ให้อุทธรลั่นอยู่เป็นนิจมิได้ขาด ถ้าหากเเลลักษณะเป็นดังกล่าวข้างต้นมานี้ ฯ ถ้าหากจะแก้เอาสมอทั้งยัง ๓ มะขามป้อม ผลจู๋ม จันทน์ทั้งยัง ๒ โกญสอ โกฐเฉมา โกฐก้านพร้าว โกฐพุงปลา โกฐน้ำเต้า กฤษณา กระลำพัก แก่นสน กรักขี แก่นประดู่ รากขี้กาทั้งยัง ๒ ใบสันพร้ามอน ใบคนทีสอ รากกระทกรก รากทิ้งถ่อน รากผักหวาน ว่านน้ำ ไคร้หอม เสมอภาคต้มตามวิธีให้กิน แก้สันนิบาตอันมีขึ้นเพื่อปิตตะสมุฏฐานโรค กล่าวอีกนัยหนึ่งดีรั่วนั้นหายดีเลิศนักฯสำหรับ ตำราหมอแผนไทยแผนโบราณ ซึ่งเก็บโดยขุนโสภิตบรรณรักษ์ (อำพัน คำเล่าลือฟุ้งกระจาย) เขียนชื่อเดี๋ยวนี้เป็น โกฏ ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่นยาแก้คอแห้งผากในตำราเล่ม ๓ ในขณะที่กล่าวถึงเสมหะทุพพลภาพและยาแก้ ดังต่อไปนี้ ยาแก้คอแห้งผาก แก้เสลดเหนียว แก้คลื่นไส้ เอาโกฏทั้ง ๕ เทียน ๕ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน กานพลู ว่านน้ำ ประพรมไม่ ดอกบุนนาค เกสรบัวหลวง ลูกราชดัด ขิง พริกไทย บดละลายน้ำท่าแทรกเกลือกิน แก้อ้วกละลายน้ำลูกยอต้มกิน
                     
ส่วนในหนังสือศาสตร์วัณ์ณทุ่งนา – หนังสือเรียนแพทย์แบบเก่า
ซึ่งเรียบเรียงโดยนายสุ่ม วรกิจไพศาล ตามตำราของพระยาดีเลิศศาสตร์ดำรง(หนู) ผู้เป็นพ่อ บันทึกชื่อเครื่องยาหมู่นี้เป็น โกฏฐ์ ทั้งปวง อย่างเช่น ยาเทพนิมิตรในเล่ม ๔ ดังต่อไปนี้ ถ้าจะเอายาชื่อเทพนิมิตต์ขนานนี้ ท่านให้เอาโกฏฐ์สอ ๑ โกฏฐ์เชียง ๑ โกฏฐ์เฉมา ๑ โกฏฐ์น้ำเต้า ๑ สมุลแว้ง ๑ อบเชย ๑ ขมิ้นเครือ ๑ แก่นสน ๑ ประจักษ์พยาน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน ดอกลำดวน ๑ กระดังงา ๑ ดอกจำปา ๑ สิ่งละ ๓ ส่วน จันทน์ทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กระลำพัก ๑ ขอนดอก ๑ แก่นพรม ๑ ชะเอมเทศ ๑ หวายตะค้า ๑ ดอกคำฝอย ๑ เลือดแรด ๑ สารส้ม ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน การบูร ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละ ๕ ส่วน แก่นแสมทะเล ๑๖ ส่วน เบ็ญจกูล ตามพิกัด ทำเป็นผงแล้วเอาหญ้าแห้วหมูเป็นน้ำกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำแก่นไม้ต้มแทรกพิมเสนให้รับประทาน แก้เลือดธรรมดาโทษอันมีขึ้นแม้กระนั้นกระดูกนั้นหายดีเลิศนักแล
ก็เลยเห็นได้ว่าตำราเรียนยาโบราณของไทยใช้ชื่อเครื่องในหมูนี้เป็น โกด โกฐ โกฏ หรือ โกฏฐ์ แตกต่างกันไปตามแต่จะเขียน เรื่องยาพิกัดนี้ทุกชนิดเป็นของที่มีเกิดในต่างแดน และมีพ่อค้าต่างชาตินำเข้ามาขายในประเทศไทยเป็นเวลายาวนานแล้ว ขั้นต่ำก็ก่อนสมัยสมเด็จพระที่นารายณ์มหาราช (พุทธศักราช ๒๑๗๕ – ๒๒๓๑) เพราะในตำราเรียนหมอแผนไทยซึ่ง หนังสือเรียนพระยาพระนารายณ์ได้อ้างถึง ๒ เล่ม คือคัมภีร์โรคนิทาน รวมทั้งคู่มือมหาโชตรัต มียาที่เข้าเข้าพิกัดนี้เยอะแยะหลายขนาน และก็ใหหลายขนานในตำราเรียนพระยารักษาโรคพระนารายณ์เอง แม้กระนั้นชื่อเครื่องยาหมู่นี้ควรเขียนเป็นยังไง มีที่มารวมทั้งความหมายอย่างไร นอกจากเครื่องยาหมู่นี้บางจำพวกเป็นอย่างไร มีมูลเหตุอย่างไรอย่างเป็นข้อพิพาทที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้
สิ่งที่ทำให้เกิดคำ โกษฐ์
โกษฐ์ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ . ๒๕๔๒ เลือกเก็บคำ โกฐ ไว้โดยนิยามดังต่อไปนี้ โกฐ (โกด) น. ชื่อยาสมุนไพรชนิดหนึ่ง ได้จากส่วนต่างๆของพืช มีหลายชนิด ตำรายาแผนโบราณเขียนเป็น โกฎ โกฏ โกฏฐ์ โกด หรือ โกษฐ์ ก็มี (เปรียญโกฏฐ) คำ โกฐ ที่ราชบัณฑิตยสถาน (โดยผู้ทรงความรู้ทางบาลี-สันสกฤต) เลือกเก็บไว้นั้น มีในภาษาสันสกฤตจริง แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งแพทย์แผนไทยเรียกโกฐกระดูก (kut หรือ kuth ) ก็เลยน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเลือกเก็บคำ โกฐ ของราชบัณฑิตยสถาน แม้กระนั้น คำ โกฐ นี้แปลว่าโรคเรื้อน ส่วนคำ โกฏฐ ในภาษาบาลีแสดงว่า ลำไส้ ท้อง คำ ๒ คำนี้ ไม่น่าจะเป็นชื่อพิกัดเครื่องยาสมุนไพร นอกจากนี้ คำที่อ่านออกเสียงว่า โกด เขียนได้อีกหลายแบบ แม้กระนั้นก็บอกคำจำกัดความที่ไม่เหมือนกัน เป็นต้นว่า
โกส มีความหมายว่า ผอบ; หมายความว่าผอมบางมาตราวัดความยาวเท่ากับ ๕๐๐ ชั่ว
โกฏิ แปลว่า ๑๐ ล้าน
โกษ แปลว่า อัณฑะ
หีบศพแสดงว่า ที่ใส่ศพนั่ง , ที่ใส่กระดูกผี ฝัก , กระพุ้ง, คลัง คำที่ออกเสียง โกด ที่ใช้เรียกชื่อรวมทั้งพิกัดเครื่องยาสมุนไพรควรจะเขียนยังไงนั้น อาจสืบสาวราวเรื่องหาสาเหตุของคำนี้ แล้วเขียนให้ถูก ให้ตรงหรือใกล้เคียงกับคำในภาษาเดิมให้สูงที่สุด เพื่ออาจความหมายเดิมให้มากที่สุด น่าสังเกตว่า เรื่องยาสมุนไพรพิกัดมีทั้งหมดเป็นเครื่องยาเทศหรือเครื่องยาจีน เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันว่าเป็นของดีรวมทั้งใช้กันมาในประเทศถิ่นกำเนิดรวมทั้งประเทศใกล้เคียง และก็คำที่ออกเสียงแบบนี้ในภาษาไทยไม่มีคำไหนที่มีความหมายเกี่ยวกับยาหรือการบำบัดรักษาเลย คำนี้ก็เลยน่าจะเป็นคำในภาษาอื่น บางทีอาจเป็นภาษาจีนหรือภาษาแขก เพราะว่าอายุรเวทซึ่งพัฒนาขึ้นในประเทศอินเดียรวมทั้งการแพทย์แผนจีนมีผลอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการแพทย์ทางการแพทย์รวมทั้งการปรุงยาแผนแพทย์แผนไทยมาแต่ว่าโบราณ แต่คำที่ออกเสียงตัวสะกดแม่กดนั้นไม่มีใช้ในภาษาจีน ด้วยเหตุดังกล่าว คำที่ออกเสียง โกด ก็เลยคงจะมีที่มาจากภาษาพื้นเมืองใดในอินเดียหรืออิหร่านในคู่มืออายุรเวทของอินเดีย มีคำ kuth หรือ kuth root เป็นชื่อเครื่องยาประเภทหนึ่งในภาษาถิ่นของแคว้นกัษไม่ระ รวมทั้งตำราเรียนฯว่ามีรากศัพท์มาจากคำ kusta ในภาษาอิหร่านหรือเปอร์เซีย ส่วนภาษาสันสกฤตเป็น kushta ภาษาฮินดีและก็เบงกาลีเป็น kut ภาษาร้ายกาจเป็น kostum หรือ goshtam แบบเรียนยาไทยเรียกเครื่องยาประเภทนี้ว่า โกษฐ์กระดูก (costus) จึงได้บทสรุปในในขั้นต้นว่าคำ โกษฐ์ นี้คงจะมาจากภาษาอิหร่าน และก็คำนี้สื่อความหมายเช่นไร
ความหมายของคำ โกษฐ์
เมื่อคำ โกษฐ์ เป็นคำในภาษาอิหร่าน จึงต้องค้นหาความหมายของคำในภาษาอิหร่าน โดยเฉพาะคำในภาษาดังกล่าวมาแล้วข้างต้นที่ใช้กับยาบำบัดโรคในคัมภีร์อูนานิ (Unani) หมอโอนาไม่ภายหลังที่ได้บากบั่นค้นหาความหมายของคำนี้มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานหลายสิบปี เมื่อเร็วๆนี้เองจึงได้พบคำนี้ในหนังสือเก่าชื่อ หนังสือเรียนยาที่การแพทย์ตะวันออกของหมูแฮมดาร์ด (Hamdard Pharmacopoeia of Eastern Medicine) เรียบเรียงคำแนะนำของที่ประชุมที่ปรึกษาทางเภสัชศาสตร์ที่หมูแฮมดาร์ด (The Pharmaceutical Advisory Council of Hamdard) มีนาย ฮะกิม อับดุล ฮาเมด (Hakim Abdul Hamed) เป็นประธาน แล้วก็นายฮากิม โมฮัมเมด ซาอิด (Hakim Mohammed Said) เป็นบรรณาธิการ (หนังสือไม่ได้เจาะจงปีที่พิมพ์และก็สำนักพิมพ์) ในตำราดังกล่าวข้างต้น ๒๒๒ มียาหมวดหนึ่งเรียก kushta เขียนไว้ดังต่อไปนี้
kushta is the past participle of kushtan (Persian for to kill) kushta therefore means killed or conquered In the Tibbi terminology kushta is employed for a medicine that used in small quantities and one that is immediately effective A kushta is a blend of metallic oxides , non-metals and their compounds, or minerals The ingredients are oxidized through the action of heat-a process that is rather specialized.The preparation of kushta results in the efficacy of a medicine and, after effecting its entry into the body the kushta discharges its curative role promptly and effectively.
ก็เลยสรุปได้ว่า คำนี้เป็นคำในภาษาอิหร่าน หมายความว่า ฆ่า ปราบ กำจัด ทําให้หายไป เทียบเคียงเสียงเป็น kushta และก็ควรจะเปรียบเทียบเป็นภาษาไทยว่า โกษฐ์ ก็เลยจะตรงกับคำในภาษาเดิมมากที่สุด แล้วก็บอกคำจำกัดความที่ไม่อาจเป็นอย่างอื่นได้ คำ โกษฐ์ นี้คงเข้ามาสู่ราชอาณาจักรประเทศไทยพร้อมๆกับวัฒนธรรมอื่นๆของอิหร่าน และการแพทย์โบราณแห่งสยามประเทศคงจะยืมคำนี้มาใช้เรียกเครื่องยาหลายแบบ ซึ่งแม้จะใช้เพลงจำนวนเล็กน้อย แต่ก็ทรงพลังสำหรับในการบรรเทาโรคในตอนช่วงเวลาสั้นๆ
โกษฐ์ที่ใช้ในยาไทย
หมอแผนไทยรู้จักในเครื่องยาจีนแล้วก็เครื่องยาเทศหลายอย่างในยาไทย การแสดงให้มองเห็นภูมิปัญญาอันหลักแหลมจริงๆฉลาดหลักแหลมของบรรพบุรุษไทยที่รู้จักใช้ของดีๆของฝรั่งในยาไทย เครื่องยาเหล่านี้หลากหลายประเภทเรียก โกษฐ์ โดยจัดเป็นพิกัดตัวยาเป็น โกษฐ์ทั้งยัง ๕ โกษฐ์ ทั้ง ๗ โกษฐ์ ทั้ง ๙ และโกษฐ์พิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกดอีกหลากหลายประเภทที่มิได้จะเข้าเอาไว้ภายในพิกัดตัวยาเรียกโกษฐ์นอกพิกัด
ตารางที่๒ เครื่องยาในพิกัดโกษฐ์
เครื่องยา                ชื่อพฤษศาสตร์ของที่มาที่ไป สกุล             ส่วนของพืช
โกษฐ์เชียง              Angelica sinensis (Oliv.) Diels      Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์สอ Angelica dahurica (Fisch. Ex Hoffm.)
Benth. Hook.f. ex France&Sav.  Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์หัวบัว            Ligusticum sinense Oliv. cv. Chuanxiong                Umbelliferae     เหง้าแห้ง
โกษฐ์เฉมา    Atractylodes lancea (Thunb.) DC.              Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์จุฬาลัมพา    Artemisia annua L.           Compositae        ใบรวมทั้งเรือนยอดที่-มีดอก
โกษฐ์ก้านพร้าว     Picrorhiza kurrooa Royle ex Benh.            Scrophulariaceae             เหง้าแห้ง
โกษฐ์กระดูก          Saussurea lappa Clarke  Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์พุงปลา         Terminalia chebula Retz.               Combretaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อนรวมทั้งใบ
โกษฐ์ชฎามังษี       Nardistachys grandiflora DC.       Valerianaceae   รากรวมทั้งเหง้าแห้ง
โกษฐ์กะกลิ้ง        Strychnos nux-vomica L.               Loganiaceae       เมล็ดแก่จัดเหง้าแห้ง
โกษฐ์กรักกรา        Pistacia chinensis Bunge spp. Integerrima (Stew. Ex Brandis) Rech.f.        Anacardiaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อน
โกษฐ์น้ำเต้า           Rheum officinale Baill. หรือ R.palmatum L. หรือ R. tanguticum (Maxim.) Maxim. Ex Regel  Polyganaceae    รากแล้วก็เหง้าแห้ง
โกฐทั้ง  ๕ (ห้าโกษฐ์)  เป็นพิกัดเครื่องยาไทยได้แก่ โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เขมา รวมทั้งโกษฐ์จุฬาลัมพา ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่ายาหมู่นี้มีคุณประโยชน์โดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้โรคหืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก ชูกำลัง บำรุงโลหิต และแก้ลมในกองธาตุ โกษฐ์ ๕ นี้เป็นเครื่องยาจีนที่มีขายในประเทศไทยมาแต่โบราณ นอกนั้นยังเป็นเครื่องยาที่ใช้มากทั้งในสมัยก่อนและยาไทย
โกษฐ์   ๗ (สัตตโกษฐ์)  เป็นพิกัดตัวยา ประกอบด้วยเรื่องยา ๗ ประเภท เป็นโกษฐ์ทั้ง (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เฉมา และก็โกษฐ์จุฬาลัมพา ) โกษฐ์ก้านพร้าว รวมทั้ง โกษฐ์กระดูกอีก ๒ จำพวก แบบเรียนโมคุณประโยชน์ยาโบราณว่ายาหมู่นี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสลด แก้หืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก บำรุงกำลัง บำรุงเลือด แก้ลมในกองธาตุ แก้ไข้เรื้อรัง แก้หอบสะอึก แล้วก็บำรุงกระดูก
โกษฐ์อีกทั้ง  ๙ (เนาวโกษฐ์)
เป็นพิกัดตัวยา ประกอบด้วยโกษฐ์๗ (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เฉมา แล้วก็โกษฐ์จุฬาลัมพา โกษฐ์ก้านพร้าว โกษฐ์กระดูก) กับ โกษฐ์ชฎามังษีรวมทั้งโกษฐ์พุง
โกษฐ์พิเศษ
มีเครื่องยา ๓ ประเภท ยกตัวอย่างเช่น โกษฐ์กะกลิ้ง โกษฐ์กักกรา และโกษฐ์น้ำเต้า พิกัดโกษฐ์นี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้โรคในปากในคอ ขับพยาธิ แก้พิษสัตว์กัดต่อย แก้ในกองอตำหนิสาร แก้ริดสีดวงทวาร ขับลมในลำไส้ แก้โรคหนองใน ขับระดูร้าย เพื่อช่วยให้เด็กนักเรียนวิชาการปรุงยาแผนไทยจำชื่อโกษฐ์ทั้งสิ้นได้ มหากัน สิกขรชาติ ได้เขียนกลอนช่วยกันจำเกี่ยวกับโกษฐ์จำพวกต่างๆในพิกัดยาไทยเรียงตามลำดับดังต่อไปนี้
เชียงสอขอหัวบัว เฉมาเลวลักจุฬา
ก้านพร้าวเผากระดูก พุงปลาปลูกไว้ในชฎา
กะกลิ้งและก็กรักกรา โกษฐ์น้ําเต้าตามที่มา
โกษฐ์เชียง
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Angelica sinensis (Oliv.) Diels วงศ์ Umbelliferae คำว่า เชียง แปลได้หลายชนิด เช่น มีความหมายว่าคนที่มาจากเมือง หรือเมือง (ที่อยู่ริมน้ำ) ก็ได้ แม้กระนั้นในที่นี้แปลว่า (มาจาก) ที่สูง มีชื่อพ้อง Angelica polymorpha Maxim. var. sinensis Oliv.จีนเรียกเครื่องยานี้ว่า ตังกุย มีชื่อสามัญว่า Chinese angelica พืชที่ให้โกษฐ์เชียงเป็นไม้ล้มลุกอายุนับเป็นเวลาหลายปีสูง ๔๐-๑๐๐ ซม. ร่างอวบหนา ทรงกระบอก แยกเป็นรากกิ้งก้านหลายราก มีกลิ่นหอมสดชื่นแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งชัน สีเขียวอมม่วง ใบหยักลึกแบบขนนกสามชั้น รูปไข่ (ตามแนวเส้นรอบนอก) ขนาดกว้าง ๒๕ ซม. ยาว ๓๐ เซนติเมตร แฉกใบมีก้านเห็นได้ชัดเจน
รูปไข่ถึงรูปใบหอก ปนรูปไข่ กว้าง ๐.๘-๒.๕ ซม. ยาว ๒-๒.๓ ซม. ขอบหยักฟันเลื่อยแบบไม่บ่อยนัก มักแยกเป็นแฉกย่อย ๒-๓ แฉก แผ่นใบเรียบ (เว้นเสียแต่บริเวณเส้นใบ) ก้านใบยาว ๕-๒๐ เซนติเมตร โคนแผ่นเป็นกาบแคบๆสีอมม่วง ดอกออกเป็นช่อซี่ร่ม ออกตามปลายกิ่งหรือออกด้านข้างตามซอกใบ ก้านช่อยาว ๘-๑๐ เซนติเมตร ใบตกแต่งมี ๐-๒ ใบ รูปแถบ มีช่อซี่ร่มย่อยขนาดแตกต่างกัน ๑๐-๓๐ ช่อ ใบเสริมแต่งย่อยมี ๒-๔ ใบ รูปแถบ ยาวได้ถึง ๕ มิลลิเมตร ช่อซี่ร่มมีดอกย่อยสีขาว (บางโอกาสสีแดงอมม่วง) ๑๓-๓๕ ดอก กลีบเลี้ยงฝ่อ รูปไข่กลับ ปลายเว้าตื้น ฐานก้านเกสรเพศเมียกลมแบน ขอบแผลเป็นปีกยื่นออก ผลสำเร็จแบบผักชี ข้างล่างแบนข้าง รูปขอบขนานแกมรูปรีถึงรูปไข่กลับ กว้าง ๓-๔ มิลลิเมคร ยาว ๔-๖ มิลลิเมตร สันด้านล่างครึ้มแคบ ข้างๆมีปีกบาง กว้างราวความกว้างของผล มีท่อน้ำมัน ๑ ท่อต่อ ๑ ร่อง แม้กระนั้นมี ๒ ท่อตรงแนวเชื่อม พืชประเภทนี้มีเขตการกระจายชนิดในป่าดงดิบ ตามภูเขาสูงทางภาคกึ่งกลางของจีน คือบริเวณบริเวณกานซู หูเปย์ ซานซี ซื่อเชื้อเชิญ (เสฉวน) และหยุนหนาน (ยูนนาน) เจอขึ้นในที่สูงจากระดับน้ำทะเล ๒๕๐๐-๓๐๐๐ เมตร มีดอกในมิ.ย.ถึงก.ค. สำเร็จในเดือนกรกฎาคมถึงกันคุณยายน พืชประเภทนี้ถูกปรับปรุงสายพันธุ์เป็นพืชพืชปลูกลงในจีนมานานนับพันปีแล้ว ปัจจุบันนี้ปลูกเป็นพืชอาสินในประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี และก็เวียดนาม
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้ง แบบอย่างทรงกระบอก ปลายแยกเป็นแขนง ๓-๕ กิ่งก้านสาขา หรือมากกว่า ยาว ๑๕-๒๕ ซม. ผิวนอกสีน้ำตาลอมเหลืองถึงสีน้ำตาล มีรอยย่นตามแนวยาว รอยช่องอากาศตามแนวขวาง ผิวไม่เรียบ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕-๔ เซนติเมตร มีแอนนูลัส ปลายมนและกลม มีร่องรอยส่วนโคนต้นรวมทั้งจากใบสีม่วงหรือสีเขียวอมเหลือง รากกิ่งก้านสาขา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุด ๐.๓-๑ ซม. ตอนบนครึ้มตอนล่างเรียวเล็ก ส่วนมากบิด มีแผลที่เกิดขึ้นมาจากรากฝอย เนื้อเหนียว รอยหักสีขาวหรือสีน้ำตาลอมเหลือง เปลือกรากดก มีร่องแลกจุดเป็นจำนวนมาก ส่วนเนื้อรากสีจางกว่า มีวงแคมเบียมสีน้ำตาลอมเหลือง มีกลิ่นหอมแรง รสหวาน ฉุน แล้วก็ขมบางส่วน
ชาวจีนนิยมใช้ โกษฐ์เชียง เป็นเครื่องยาในยาขนาดต่างๆจำนวนมาก เป็นรองก็แต่ว่าชะเอม (licorice) แค่นั้น จีนใช้ขวดเชียงต่างกันเป็น รากหลักที่จีนเรียก (ตัง) กุยเท้า (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนรากกิ้งก้านน้ำจีนเรียก (ตัง) กุยบ๊วย (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาขับระดู แพทย์แผนจีนใช้เครื่องยาจำพวกนี้ในยาเกี่ยวกับโรคเฉพาะสตรี เป็นต้นว่า ยาขับรอบเดือน ยาโรคตีขึ้น แก้ไข้บนกระดานไฟ เกี่ยวกับอาการเลือดออกทุกประเภท แก้หวัด แก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ ท้องอืด ตกมูกเลือด ขนาดที่ใช้คือ ๓-๙ กรัม สตรีจีนนิยมใช้โกษฐ์เชียงเป็นยากระตุ้น ของลับ เพื่อปฏิบัติสามีก้าวหน้าและเมื่อมีให้มีลูกดก โกษฐ์เชียงที่ขายตามร้านขายยาเครื่องยาสมุนไพรมักเป็น(ตัง) กุยบ๊วย หนังสือเรียนบริบูรณ์ยาโบราณว่าโกษฐ์เชียงมีกลิ่นหอมหวน รสหวานขม แก้ไข้ แก้สะอึก แก้เสียดแทงสองราวข้าง โกษฐ์นี้เป็นโกษฐ์ประเภทหนึ่งในพิกัดโกษฐ์ ๕ โกษฐ์ทั้งยัง ๗ และโกษฐ์ทั้ง ๙ โกษฐ์เชียงน้ำมันระเหยง่ายอยู่ราวร้อยละ ๐.๑-๐.๓ ในน้ำมันระเหยง่ายมีสารเชฟโรล (safrole) สารไอโซเซฟโรล (isosafrole) สารคาร์วาคคอยล (carvacrol) เป็นต้น นอกเหนือจากน้ำมันระเหยง่ายแล้วยังมีสารอื่นๆอีกหลากหลายประเภท ดังเช่นว่า สาร ไลกัสติไลค์ (ligustilide) กรดเฟรูลิก (ferulic acid) กรด เอ็น-วาเลอโรฟีโนน-โอ-คาร์บอกสิลิก(n-valerophenone-O-carboxylic acid)
โกษฐ์สอ
เป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Angelica dahurica (Fisch ex Hoffm.) Benth & Hook.f. ex Franch , Sav. ในตระกูล Umbelliferaeมีชื่อพ้องหลายชื่อ ดังเช่น Callisace dahurica Franch & Sav., Angelica macrocarpa H.Wolff, Angelica porphyrocaulis Nakai &Kitag.,Angelica tschiliensis H.Wolff คำ สอ เป็นภาษาเขมรหมายความว่าขาว ตำราโบราณลางเล่มเรียกเครื่องยานี้ว่า โกษฐ์สอจีน จีนเรียก ป๋ายจื่อ (สำเนียงแมนดาริน) เปะจี๋ (สำเนียงแต้จิ๋ว) มีชื่อสามัญว่า Dahurain angelica พืชที่ให้โกษฐ์สอเป็นไม้ล้มลุกอายุยาวนานหลายปี สูง ๑.-๒.๕๐ เมตร รากอวบใหญ่ เนื้อแข็ง รูปกรวยยาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓-๕ ซม. อาจยาวได้ถึง ๓๐ ซม. หรือมากยิ่งกว่า อาจแยกแขนงตรงปลาย มีกลิ่นหอมแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งตรง อวบสั้น โคนต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒-๕ ซม. (หรือมากกว่า) มีสีม่วงแต้มน้อย ใบเป็นใบประกอบแบบขน หรือหยักลึกแบบขนนก ๓ ชั้น แผ่นใบรูปไข่แกมรูปสามเหลี่ยม (ตามแนวเส้นรอบนอก) กว้างถึง ๔๐ เซนติเมตร ยาวถึง ๕๐ เซนติเมตร แฉกใบไม่มีก้าน รูปรีแคบถึงรูปใบหอกปนรูปขอบขนาน กว้าง ๑-๔ ซม. ยาว ๔-๑๐ เซนติเมตร ปลายแหลม โคนเป็นครีบเล็กน้อย ขอบหยักฟันเลื่อยห่างๆก้านใบยาว โคนแผ่เป็นปีก ใบด้านบนรถยนต์รูปเหลือเพียงกาบที่แทบไม่มีแผ่นใบ ดอกเป็นดอกช่อซี่ร่มย่อยขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐-๓๐ ซม. สีขาว ใบเสริมแต่งมี ๐-๒ ใบ เหมือนกาบ ป่องออกหุ้มห่อช่อดอกเมื่อยังอ่อนอยู่ มีซี่ร่มย่อย ๑๘-๔๐ (หรือบางโอกาสถึง ๗๐) มีขนสั้นๆใบประดับย่อยมี ๑๔- ๑๖ ใบ รูปใบหอกแกมรูปแถ



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี

ความหมายของสมุนไพรโกษฐ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2017, 08:50:41 AM »
SEO