รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 119 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

tawattt005

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 18
    • ดูรายละเอียด

Permalink: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

โรคโปลิโอ (Poliomyelitis)
โรคโปลิโอเป็นอย่างไร โรคโปลิโอศึกษาและทำการค้นพบทีแรกเมื่อ คริสต์ศักราช 1840 โดย Jakob Heine ส่วนเชื้อไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคถูกพ้นเจอเมื่อ คริสต์ศักราช 1908 โดย Karl Landsteiner โรคโปลิโอ หรือ ไข้ไขสันหลังอักเสบ  เป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดทรมานแก่เด็กทั้งโลก ซึ่งมีผู้ป่วยในสมัยก่อนมากยิ่งกว่า 350,000 รายต่อปี เนื่องจากก่อกำเนิดความพิการ ขา หรือ แขนลีบ รวมทั้งเสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสโปลิโอ โดยผู้ป่วยโดยมากมักไม่มีอาการแสดงของโรค ส่วนในกรุ๊ปคนไข้ที่มีอาการนั้นส่วนใหญ่จะมีลักษณะเพียงนิดหน่อยอย่างไม่จำเพาะและก็หายได้เองภายในระยะเวลาไม่กี่วัน แม้กระนั้นจะมีผู้เจ็บป่วยเพียงแค่ส่วนน้อยที่จะมีลักษณะอาการของกล้ามเนื้อเมื่อยล้าและก็เมื่อผ่านไปหลายๆปีหลังการรักษา คนเจ็บที่เคยมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนี้อาจจะเกิดอาการกล้ามอ่อนแรงซ้ำขึ้นมาอีก แล้วก็อาจกำเนิดกล้ามเนื้อฝ่อลีบแล้วก็กำเนิดความพิกลพิการของข้อตามมาได้ ในตอนนี้โรคนี้ยังไม่มียารักษา แม้กระนั้นมีวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคได้
โรคโปลิโอ นับเป็นโรคที่มีความหมายมากมายโรคหนึ่ง เนื่องจากเชื้อ เชื้อไวรัสโปลิโอ จะก่อให้มีการอักเสบของไขสันหลังทำให้มีอัมพาตของกล้ามเนื้อแขนขา ซึ่งในรายที่อาการรุนแรงจะทำให้มีความพิการตลอดชีวิต รวมทั้งบางรายอาจถึงเสียชีวิตได้ ในปี พุทธศักราช 2531 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทุกประเทศร่วมมือกำจัดโรคโปลิ โอ ทำให้อัตราการป่วยทั่วทั้งโลกต่ำลงไปๆมาๆกถึง 99% โดยต่ำลงจาก 350,000 ราย (จาก 125 ประเทศทั่วทั้งโลก) ในปี พุทธศักราช 2531 เหลือเพียง 820 รายใน 11 ประเทศในปี พศาสตราจารย์ 2550 ซึ่งประ เทศที่ยังเจอโรคมากมายอยู่เป็น อินเดีย (400 กว่าราย) ประเทศปากีสถาน ไนจีเรีย รวมทั้งอัฟกานิสถาน
ส่วนในประเทศไทยไม่พบผู้ป่วยโรคโปลิโอมาตรงเวลานับเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยเจอรายท้ายที่สุดในปี พุทธศักราช 2540 ที่ จังหวัด เลย แม้กระนั้นเด็กทุกคนยังคงจำต้องได้เรื่องฉีดรับวัคซีนตามมาตรกาเกลื่อนกลาดวาดล้างโรคโปลิโอร่วมกับนานาประเทศทั่วทั้งโลก เนื่องด้วยโปลิโอเป็นโรครุนแรงที่สร้างการสิ้นไปทางด้านร่างกายแล้วก็เศรษฐกิจ แล้วก็เดี๋ยวนี้แม้ องค์การอนามัยโลก CWHO ได้ประกาศรับสมัครรองให้เป็นประเทศที่ปลอดโรคโปลิโอแล้วตอนวันที่ 27 มีนาคม พุทธศักราช 2557 แต่ว่าประเทศไทยยังที่มีความเสี่ยงต่อโรคโปลิโออยู่ เพราะเหตุว่ามีอาณาเขตติดกับประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโออย่างเมียนมาร์รวมทั้งลาวที่เพิ่งเจอเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนเปลี่ยนพันธ์ไปเมื่อปี พ.ศ. 2558
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคโปลิโอ โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอ single-stranded RNA virus ไม่มีเปลือกจัดอยู่ใน Family Picornaviridae, Genus Enterovirus มี 3 ทัยป์ คือ ทัยป์ 1, 2 รวมทั้ง 3 โดยแต่ละจำพวกอาจจะส่งผลให้กำเนิดอัมพาตได้ พบว่า type 1 กระตุ้นให้เกิดอัมพาตและเกิดการระบาดได้บ่อยกว่าทัยป์อื่นๆและก็เมื่อติดเชื้อโรคชนิดหนึ่งแล้วจะมีภูมิคุ้มกันถาวรเกิดขึ้นเฉพาะต่อทัยป์นั้น ไม่มีภูมิต้านทานต่อทัยป์อื่น ด้วยเหตุนี้ ตามทฤษฎีนี้แล้ว คน 1 คน อาจติดโรคได้ถึง 3 ครั้ง และแต่ละทัยป์ของไวรัสโปลิโอ จะแบ่งย่อยได้อีก 2 สายพันธุ์ คือ

  • สายพันธุ์ร้ายแรงก่อโรค (Wild strain) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังและก็กวาดล้าง โดยเดี๋ยวนี้ยังเจอสายพันธุ์รุนแรงนี้ใน 2 ประเทศ คือ อัฟกานิสถานรวมทั้งปากีสถาน
  • สายพันธุ์วัคซีน (Vaccine strain หรือ Sabin strain) เป็นการทำให้เชื้อไวรัสโปลิโอ 3 ชนิดย่อยอ่อนฤทธิ์ลงจนกระทั่งไม่สามารถก่อให้เกิดโรคได้ แล้วนำมาใช้เป็นวัคซีนประเภทหยด หรือที่เรียกกันว่า OPV (Oral polio vaccine) เพื่อสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย แม้กระนั้นแม้กระนั้น เชื้อไวรัสโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนอาจมีความเคลื่อนไหวในระดับโมเลกุลจนกระทั่งสามารถนำมาซึ่งการก่อให้เกิดสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ แล้วก็นำมาซึ่งโรคโปลิโอได้ ซึ่งการเกิดนี้ชอบเกิดในชุมชนที่มีระดับความครอบคลุมของวัคซีนโปลิโอค่อนข้างจะต่ำเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน


โดยเชื้อโปลิโอนี้จะอยู่ในไส้ของคนเท่านั้น ไม่มีแหล่งรังโรคอื่นๆเชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในลำไส้ของไม่มีภูมิคุ้มกันรวมทั้งอยู่ข้างในไส้ 1-2 เดือน เมื่อถูกถ่ายออกมาภายนอก จะไม่สามารถที่จะเพิ่มจำนวนได้ รวมทั้งเชื้อจะอยู่ด้านนอกร่างกายในสิ่งแวดล้อมมิได้นาน โดยเฉพาะในเขตร้อน อายุครึ่งชีวิตของเชื้อไวรัสโปลิโอ (half life) โดยประมาณ 48 ชั่วโมง
ลักษณะโรคโปลิโอ  เมื่อเชื้อโปลิโอเข้าสู่ร่างกายของคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน เชื้อไวรัสจะเข้าไปเพิ่มในบริเวณ pharynx และก็ลำไส้ สองสามวันถัดมาก็จะกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองรอบๆคอที่ทอนซิล และที่ไส้และไปสู่กระแสโลหิตทำให้มีลักษณะอาการไข้เกิดขึ้น ส่วนน้อยของเชื้อไวรัสจะผ่านจากกระแสโลหิตไปยังไขสันหลังรวมทั้งสมองโดยตรง หรือนิดหน่อยอาจผ่านไปไขสันหลังโดยทางเส้นประสาท เมื่อเชื้อไวรัสเข้าไปยังไขสันหลังแล้วมักจะไปที่ส่วนของไขสันหลังหรือสมองที่ควบคุมแนวทางการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อเซลล์สมองในส่วนที่    ติดโรคมีลักษณะอักเสบมากจนกระทั่งถูกทำลายไป กล้ามเนื้อที่ควบคุมโดยเซลล์ประสาทนั้นก็จะมีอัมพาตและก็ฝ่อไปท้ายที่สุด
         ทั้งนี้สามารถแบ่งคนป่วยโปลิโอตามกลุ่มอาการได้เป็น 4 กลุ่มหมายถึง

  • กลุ่มคนป่วยที่ไม่มีอาการ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีราว 90 – 95% ของผู้ติดเชื้อโปลิโอทั้งผอง มีความสำคัญทางด้านระบาดวิทยา เนื่องจากเชื้อไวรัสโปลิโอที่เข้าไปจะไปเพิ่มจำนวนในไส้ แล้วก็ถ่ายออกมาตรงเวลา 1-2 เดือน นับเป็นแหล่งแพร่โรคที่สำคัญในชุมชน
  • กรุ๊ปคนป่วยที่มีอาการน้อยมาก (Abortive poliomyelitis) หรือที่เรียกว่า abortive case หรือ minor illness ซึ่งจะเจอได้ราว 5-10% ของผู้ติดเชื้อโปลิโอทั้งผอง ชอบมีอาการไข้ต่ำๆเจ็บคอ อ้วก เจ็บท้อง เบื่ออาหาร และอ่อนแรง อาการจะเป็นอยู่ 3-4 วัน ก็จะหายเรียบร้อยโดยไม่มีอาการอัมพาต ซึ่งจะวินิจฉัยโรคแยกจากโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสอื่นไม่ได้
  • กรุ๊ปคนเจ็บที่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสโปลิโอ (Nonparalytic poliomyelitis) กลุ่มนี้จะเจอได้เพียงแต่ 1% ของผู้ติดเชื้อโรคโปลิโอทั้งผอง จะมีลักษณะอาการเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสอื่นๆคนไข้จะมีลักษณะคล้าย abortive case แม้กระนั้นจะตรวจพบคอแข็งแจ่มแจ้ง มีลักษณะอาการปวดศีรษะ ปวดตามกล้าม เมื่อตรวจน้ำไขสันหลังก็จะเจอไม่ปกติแบบการติดเชื้อไวรัส มีเซลล์ขึ้นไม่มากมายส่วนใหญ่เป็นลิมโฟซัยท์ ระดับน้ำตาลและโปรตีนธรรมดา หรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
  • กลุ่มผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการกล้ามเนื้ออ่อนกำลัง (Paralytic poliomyelitis) เป็นอัมพาต กลุ่มนี้เจอได้น้อยมากจะมีอาการแบ่งได้เป็น 2 ระยะ ระยะเริ่มต้นคล้ายกับใน abortive case หรือเป็น minor illness เป็นอยู่ 3-4 วัน หายไป 3-4 วัน เริ่มเป็นไข้กลับมาใหม่ พร้อมทั้งมีอาการปวดกล้ามเนื้ออาจมีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อก่อนที่จะมีอัมพาตเกิดขึ้น กล้ามเนื้อจะเริ่มมีอัมพาตและก็เพิ่มกล้ามที่มีอัมพาตอย่างรวดเร็ว โดยมากจะกำเนิดเต็มที่ข้างใน 48 ชั่วโมง รวมทั้งจะไม่ขยายมากขึ้นวันหลัง 4 วัน เมื่อตรวจสอบรีเฟลกซ์บางคราวจะพบว่าหายไปก่อนที่จะกล้ามเนื้อจะมีอัมพาตสุดกำลัง


          ลักษณะของอัมพาตในโรคโปลิโอชอบเจอที่ขามากยิ่งกว่าแขนและจะเป็นฝ่ายเดียวมากยิ่งกว่า 2 ข้าง (asymmetry) มักจะเป็นกล้ามต้นขา หรือต้นแขนมากยิ่งกว่าส่วนปลาย เป็นแบบอ่อนปวกเปียก (flaccid) โดยไม่มีความเคลื่อนไหวในระบบความรู้สึก (sensory) ที่พบบ่อยเป็นเป็นแบบ spinal form ที่มีอัมพาตของแขน ขา หรือกล้ามเนื้อลำตัว ในรายที่เป็นมากอาจมีอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วนลำตัวที่อกและหน้าท้อง ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการหายใจ ทำให้หายใจเองมิได้ บางทีอาจจนตายได้ถ้าเกิดช่วยไม่ทัน
ปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดโรคโปลิโอ โรคโปลิโอพบบ่อยได้ในเด็กมากกว่าคนแก่ โดยทั้งยังเพศชายและผู้หญิงได้โอกาสติดเชื้อนี้ได้เท่ากัน และก็มีโอกาสติดเชื้อโรคโปลิโอได้ง่าย แต่ว่ามีคนเจ็บน้อยมากที่จะมีอาการกล้ามเมื่อยล้า เชื้อไวรัสชนิดนี้จะเติบโตอยู่ในลำไส้ เชื้อจึงถูกขับออกจากร่างกายมาพร้อมกับอุจจาระรวมทั้งแพร่ไปสู่คนอื่นผ่านการกินอาหารหรือกินน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของคนป่วย ซึ่งมีต้นเหตุมาจากการขับถ่ายที่ผิดถูกหลักอนามัยและไม่ล้างมือก่อนกินอาหาร โรคนี้จึงพบได้บ่อยมากในประเทศที่ด้อยพัฒนาและกำลังปรับปรุงที่ขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี
ทั้งผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอนั้น จะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อยิ่งขึ้นหากอยู่ในด้านในกรุ๊ปเสี่ยงดังนี้
           หญิงท้องและก็คนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ติดเชื้อโรคไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่อง แล้วก็เด็กตัวเล็กๆซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ
           เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือพึ่งเกิดการระบาดของโรคเมื่อไม่นานมานี้
           เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดโรคโปลิโอ
           ดำเนินการในห้องทดลองที่สัมผัสสนิทสนมกับเชื้อไวรัส
           ผู้ที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป
กระบวนการรักษาโรคโปลิโอ แพทย์จะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการไต่ถามอาการจากคนป่วยว่ารู้สึกเจ็บปวดรอบๆหลังแล้วก็คอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจหรือเปล่า ตรวจสอบปฏิกิริยาสะท้อนกลับของร่างกาย รวมถึงการตรวจทางน้ำเหลือง โดยเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างในช่วงระยะฉับพลันและก็ระยะแฝงของโรค ตรวจสารภูมิต้านทาน IgM หรือ IgG ยิ่งกว่านั้นเพื่อยืนยันให้มั่นใจอาจมีการตรวจค้นเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างสารคัดเลือกหลั่งจากคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองแล้วก็ไขสันหลังส่งไปเพื่อทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ในกรณีคนป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออัมพาตแบบปวกเปียก (acute flaccid paralysis : AFP) แพทย์จะปฏิบัติการไต่สวนโรค พร้อมทั้งเก็บอุจจาระส่งตรวจเพื่อ    แยกเชื้อโปลิโอ การวิเคราะห์ที่แน่ๆคือ แยกเชื้อโปลิโอได้จากอุจจาระ แล้วก็ทำการตรวจว่าเป็นทัยป์ใดเป็นสายพันธุ์ wild strain หรือ vaccine strain (Sabin strain)
          การเก็บอุจจาระส่งไปทำการตรวจจะเก็บ 2 ครั้ง ห่างกันขั้นต่ำ 1 วัน จะต้องเก็บให้เร็วภายใน 1-2 อาทิตย์ภายหลังที่เจอมีอาการ AFP ซึ่งเป็นตอนๆที่มีจำนวนเชื้อไวรัสในอุจจาระมากกว่าระยะอื่นๆการจัดส่งอุจจาระเพื่อส่งไปทำการตรวจต้องให้อยู่ในอุณหภูมิ 4-8๐ ซ ตลอดระยะเวลา มิฉะนั้นเชื้อโปลิโอบางทีอาจตายได้ ปัจจุบันโรคโปลิโอยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แพทย์สามารถให้การรักษาผู้ป่วยตามอาการ  รวมทั้งขณะนี้ก็ยังไม่มียารักษาโรคโปลิโอโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดูแลและรักษาจะเป็นแบบทะนุถนอม ตัวอย่างเช่น ให้ยาลดไข้ รวมทั้งลดลักษณะของการปวดของกล้าม ในรายที่มีอาการอัมพาตของกล้ามแขน ขา การทำกายภาพ บำบัดจะช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น
สำหรับในการรักษาคนไข้กรุ๊ปอาการข้างหลังกำเนิดโรคโปลิโอ (Post-polio syndrome – PPS) การดูแลและรักษาหลักจะเน้นย้ำไปที่กระบวนการทำกายภาพบำบัดมากกว่า เป็นต้นว่า การใส่เครื่องมือช่วยยึดลำตัว เครื่องใช้ไม้สอยช่วยสำหรับการเดิน เครื่องมือที่ช่วยปกป้องข้อบิดผิดแบบหรือบางทีอาจใช้การผ่าตัดช่วย การฝึกฝนกล่าวและฝึกหัดกลืนในคนเจ็บที่มีปัญหา การบริหารร่างกายที่เน้นย้ำการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อภายใต้ข้อเสนอแนะที่ถูกจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด การใช้งานเครื่องช่วยหายใจในขณะหลับหากผู้เจ็บป่วยมีปัญหาเรื่องการหยุดหายใจในขณะหลับ และก็การดูแลทางด้านอารมณ์และจิตใจของคนเจ็บร่วมด้วย

การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคโปลิโอ

  • หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโปลิโอไม่ว่ามีลักษณะอยู่ในกรุ๊ปใด หากแพทย์ให้กลับไปอยู่ที่บ้านเครือญาติต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดสู่บุคคลในบ้าน เนื่องจากว่าคนป่วยจะสามารถขับเชื้อออกมาทางอุจจาระได้นานถึงราวๆ 3 เดือนข้างหลังติดเชื้อ รวมทั้งหากผู้ป่วยมีภาวะภูมิต้านทานต้าน ทานโรคผิดพลาดด้วยแล้วจะสามารถแพร่เชื้อได้นานถึงโดยประมาณ 1 ปี โดยให้ญาติดูแลประเด็นการขับ ถ่ายของคนป่วยให้ถูกสุขลักษณะ การล้างมือทุกครั้งข้างหลังเข้าส้วมรวมทั้งก่อนหยิบจับของกินเข้าปาก การกินอาหารปรุงสุกใหม่เสมอ การล้างผักผลไม้ให้สะอาดและปอกเปลือกผลไม้ก่อนรับประทาน และถ้าหากบุคคลในบ้านคนไหนกันแน่ยังไม่เคยรับวัคซีนโปลิโอ ก็ให้ขอความเห็นหมอเพื่อรับวัคซีนให้ครบ
  • ให้คนเจ็บรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 กลุ่ม
  • ถ้าหากคนเจ็บมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงให้พี่น้องช่วยทำกายภาพบำบัดเพื่อสนับสนุนทักษะการเคลื่อนไหว และก็เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตามข้อเสนอแนะของนักกายภาพบำบัด
  • ญาติควรจะดูแลและก็เอาใจใส่คนไข้ รวมถึงดูแลทางด้านสถานการณ์จิตใจ สภาวะทางอารมณ์ของคนไข้แล้วก็ให้กำลังใจแก่คนไข้ด้วย
  • พี่น้องควรพาผู้เจ็บป่วยไปพบหมอตามนัดหมายอย่างเคร่งครัด หรือ ถ้ามีลักษณะอาการไม่ดีเหมือนปกติที่เกิดอันตราย ก็ควรจะพาไปพบแพทย์โดยด่วน
การคุ้มครองโรคโปลิโอ

  • โรคโปลิโอสามารถคุ้มครองปกป้องได้ด้วยวัคซีน ซึ่งวัคซีนที่มีใช้ ทั้งโลกมี 2 ประเภทเป็น
  • วัคซีนโปลิโอชนิดรับประทาน (Oral Poliomyelitis Vaccine: OPV, Sabin) การกวาดล้าง ในประเทศไทย โรคโปลิโอ H T กลุ่มโรคติดต่อที่คุ้มครองปกป้องได้ด้วยวัคซีน สำนักโรคติดต่อทั่วไป Albert Bruce Sabin M.D. Jonas Edward Salk M.D. เป็นวัคซีนจำพวกเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (attenuated live oral poliomyelitis vaccine) สายพันธุ์ Sabin คิดค้นโดย Albert Bruce Sabin คนอเมริกัน เมื่อปี พุทธศักราช 2504 วัคซีนมีเชื้อ ไวรัสโปลิโอ 3 ทัยป์ คือ ทัยป์ 1, 2 แล้วก็ 3 ให้วัคซีนโดยการรับประทานเป็นการเลียนแบบการติดเชื้อ ตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เยื่อบุลำคอและลำไส้ของผู้รับวัคซีน รวมทั้งสามารถกระจายเชื้อ วัคซีนไปกระตุ้นภูมิต้านทานให้กับผู้สัมผัสใกล้ชิดได้อีกด้วย ตอนนี้วัคซีนโปลิโอประเภทรับประทานนี้ถือว่าเป็น เครื่องมือสำคัญสำหรับในการกำจัดโรคโปลิโออย่างมาก เนื่องจากว่าสามารถคุ้มครองป้องกันและกำจัดเชื้อโปลิโอสายพันธุ์ ก่อโรคได้อย่างดีเยี่ยม แพงถูกและก็มีวิธีการให้วัคซีนง่าย แม้กระนั้นมีข้อเสีย คืออาจจะเป็นผลให้เกิดอาการใกล้กัน เหมือนโรคโปลิโอ (Vaccine Associated Paralytic Polio: VAPP) ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมาก ราวๆ 1 ใน 2.7 ล้านโด้ส หรืออาจมีการกลายพันธุ์ (Vaccine Derive Polio Virus: VDPV) กระทั่งก่อ โรคได้ในพื้นที่ที่มีความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนต่ำ
  • วัคซีนโปลิโอจำพวกฉีด (Inactivated Poliomyelitis Vaccine: IPV, Salk) เป็นวัคซีนที่ทำมาจากเชื้อไวรัสโปลิโอที่ตายแล้ว (kill vaccine) คิดค้นโดย Jonas Edward Salk ชาว อเมริกัน เมื่อปี พ.ศ. 2498 วัคซีนประเภทนี้มีเชื้อโปลิโอ 3 ทัยป์ ให้วัคซีนโดยการฉีด


ในปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้วัคซีนโปลิโอในแผนงานเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยให้วัคซีน OPV 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปีครึ่ง และ 4 ปี และก็ให้วัคซีน IPV 1 ครั้ง เมื่ออายุ 4 เดือน

  • ปกป้องการตำหนิดเชื้อและก็การแพร่กระจายของเชื้อโปลิโอ ด้วยการทานอาหารและก็ดื่มน้ำสะอาดถูกสุขลักษณะ รวมถึงการถ่ายอุจจาระลงส้วมที่ถูกสุขลักษณะทุกคราว
  • ตอนหลังเข้าไปคลุกคลีสนิทสนมผู้ป่วยโรคโปลิโอ หรอเข้าไปดูแลเปลี่ยนผ้าให้แก่คนป่วยควรล้ามือด้วยสบู่ทุกหน
  • เมื่ออยู่ภายในเขตพื้นที่มีการระบาดของโรคโปลิโอ ควรจะดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงกระทำตามหลักสุขข้อบังคับให้เคร่ง


สมุนไพรที่ใช้รักษา/ทุเลาโรคโปลิโอ เหตุเพราะโรคโปลิโอเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อได้ง่าย รวมทั้งในผู้เจ็บป่วยที่มีความร้ายแรงของโรคนั้นอาจส่งผลให้เสียชีวิตหรือพิการได้ ซึ่งในตอนนี้นั้นยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโปลิโอให้หายได้ รวมทั้งยังไม่มีข้อมูลว่ามีสมุนไพรชนิดไหนที่ใช้รักษาหรือบรรเทาลักษณะโรคโปลิโอได้เหมือนกัน
เอกสารอ้างอิง

  • การกวาดล้างโรคโปลิโอในประเทศไทย.กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนสำนักโรคติดต่อทั่วไป.วารสาร ดร.สัมพันธ์.ปีที่ 3.ฉบับที่ 4.เมษายน-พฤษภาคม 2559.หน้า 2-3
  • โปลิโอ.อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “โปลิโอ (Poliomyelitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 571-572.
  • Paul JR (1971). A History of Poliomyelitis. Yale studies in the history of science and medicine. New Haven, Conn: Yale University Press. pp. 16– ISBN 0-300-01324-8. http://www.disthai.com/
  • Cohen JI (2004). "Chapter 175: Enteroviruses and Reoviruses". In Kasper DL, Braunwald E, Fauci AS, et al. (eds.). Harrison's Principles of Internal Medicine (16th ed.). McGraw-Hill Professional. p. ISBN 0-07-140235-7.
  • โรคโปลิโอ(Poliomyelitis).ความรู้เรื่องโรคติดต่อ.สำนักโรคติดต่อทั่วไป.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข
  • Ryan KJ, Ray CG (eds.) (2004). "Enteroviruses". Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 535– ISBN 0-8385-8529-9.
  • Jeffrey I. Cohen, enteroviruses and reoviruses, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 15th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2001
  • โรคโปลิโอ(Polio).สำนักโรคติดต่อทั่วไป.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.




โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี