[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/i]กะตังใบ[/url][/b]
กะตังใบ Leea indica (Burm.f.) Merr.บางถิ่นเรียกว่า กะตังใบ (จังหวัดกรุงเทพมหานคร จันทบุรี จังหวัดเชียงใหม่) นางใบ (จังหวัดตราด) ช้างเขิง (ฉาน) โคนงจ้วม โคนงต้อม (ภาคเหนือ) บั่งบายต้น (จังหวัดตรัง)
ไม้ต้น หรือ ไม้ใหญ่ขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 มัธยม ลำต้นเกลี้ยง หรือปกคลุมด้วยขนสั้นๆใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก (1-)2- หรือ 3 ชั้น ใบย่อยมี 7- ถึงมากไม่น้อยเลยทีเดียว หูใบรูปไข่กลับ กว้างได้ถึง 4 ซม. ยาว 6 เซนติเมตร ชอบเกลี้ยง หรือมีขนเล็กน้อย หูใบหล่นง่าย ส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นสามเหลี่ยมกว้าง ศูนย์กลางใบยาว 10-35 ซม. เกลี้ยง หรือมีขนสั้นปกคลุม ใบย่อยรูปขอบขนานปนรูปไข่ ถึงรูปหอกแกมรูปไข่ หรือรูปรี หรือรูปใบหอกปนรี กว้าง 3-12 เซนติเมตร ยาว 10-24 ซม. ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบสอบ หรือกลม หรือเว้า เล็กน้อย
สมุนไพร ขอบใบจะมน หรือจะแบบฟันเลื่อย หรือแบบซี่ฟันตื้นๆเนื้อใบดกปานกลาง ข้างล่างมีต่อมขนาดเล็กรูปเหลี่ยม หรือกลม เส้นใบมี 6-16 คู่ ก้านใบย่อยยาวได้ถึง 25 มม. หมดจด หรือมีขน ก้านใบรวมยาว 10-25 เซนติเมตร ดอก สีขาวอมเขียว ออกเป็นช่อกว้าง ดอกติดห่างๆยาว 10-25 เซนติเมตร หมดจด หรือมีขนบางส่วน ริ้วแต่งแต้มมีตั้งแต่รูปสามเหลี่ยมค่อนข้างจะกว้าง ถึงสามเหลี่ยมแคบ ยาวโดยประมาณ 4 มิลลิเมตร ก้านช่อดอกยาวได้ถึง 15 ซม. กลีบเลี้ยงยาว 2-3 มม. เชื่อมติดกันที่โคน ปลายแยกเป็นแฉกแหลม 5 แฉก กลีบดอกไม้ 5 กลีบ เชื่อมติดกันที่โคน เกสรเพศผู้มี 5 อัน ติดอยู่ที่หลอดเกสรเพศผู้ ปลายอับเรณูจะโผล่พ้นหลอดออกไปเป็นแฉกมนๆปลายแฉกเว้า เกสรเพศเมียมี 6 ช่อง แต่ละช่องมีไข่ 1 เม็ด ก้านเกสรสั้น ปลายมน ผล กลม แป้น ผิวบาง มีเนื้อนุ่ม สีม่วงดำ มี 6 เม็ด
นิเวศน์วิทยา : ขึ้นได้ทั่วๆไปในทุกภาคของประเทศคุณประโยชน์ : ราก น้ำต้มรับประทานเป็นยาพาราท้อง ท้องเสีย แก้บิด ขับเหงื่อ รวมทั้งเป็นยาเย็น แก้อาการอยากดื่มน้ำ ใบ ย่างไฟให้ไหม้เกรียม ใช้พอกศีรษะ แก้วิงเวียน งุนงง ตำเป็นยาพอกแก้เมื่อยกล้ามเนื้อ รวมทั้งแก้ผื่นคันตามผิวหนัง น้ำยางจากใบอ่อนรับประทานเป็นยาช่วยในการย่อย ผล กินได้
Tags : สมุนไพร