โรคมือเท้าปาก (Hand Foot and Mouth disease – HFMD)โรคมือเท้าปาก เป็นอย่างไร โรคมือ-เท้า-ปาก จับไข้เป็นผื่นชนิดหนึ่งที่ต่อเนื่องกันง่าย แต่มักไม่ร้ายแรงแล้วก็หายได้เองเป็นส่วนมาก ส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ซึ่งโรค มือเท้าปาก เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในเด็กเล็ก โดยยิ่งไปกว่านั้นตอนหน้าฝน มักมีต้นเหตุมาจากไวรัสกลุ่ม Enterovirus แต่ว่าในแถบร้อนชื้น พบมากได้ตลอดปีโดยส่วนมากแล้ว พบมากในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีแต่ว่าอาจเจอในเด็กแก่กว่านี้ก็ได้ และก็แม้มีการเกิดโรคในสถานเลี้ยงเด็กหรือในโรงเรียนอนุบาล ก็จะพบคนไข้เยอะมากขึ้นเพราะว่าโรคนี้ระบาดได้ง่าย
อนึ่งโรคนี้เป็นโรคคนละชนิดกับโรคปากยุ่ยเท้าเปื่อยที่เจอได้ในสัตว์กีบคู่ ซึ่งโดยธรรมดาจะไม่ติดต่อมาสู่คน ยกเว้นในเรื่องที่คนไปสัมผัสคลุกคลีอยู่กับสัตว์ที่เจ็บไข้หรือคนที่ทำงานในห้องแลปเกี่ยวกับโรคในสัตว์กลุ่มนี้ ที่อาจมีรายงานการติดเชื้อได้บ้าง
ในความเป็นจริงแล้ว โรคมือ เท้า ปาก ว่าไม่ใช่โรคใหม่ แต่รู้จักกันมานานมากกว่า 50 ปีแล้ว โดยมีประวัติความเป็นมาของโรค ดังนี้
- พ.ศ. 2500 มีรายงานการระบาดของกรุ๊ปลักษณะของการมีไข้ซึ่งพบร่วมกับตุ่มน้ำใสในช่องปาก มือและเท้าในคนป่วยเด็กที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา โดยเจอสาเหตุจากเชื้อ Coxsackie virus A16(Cox A16)1
- พ.ศ. 2502 เจอการระบาดของกรุ๊ปอาการอย่างเดียวกันในเมือง Bermingham อังกฤษ และได้มีการเรียกกรุ๊ปอาการนี้ว่า Hand-Foot-and Mouth Disease (HFMD)
ต่อจากนั้นก็มีรายงานการระบาดจากประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งเชื้อไวรัสที่นำมาซึ่งกรุ๊ปอาการมือ เท้า ปาก ไม่ได้มีต้นเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวแต่ว่ามีมากยิ่งกว่า 10 สายพันธุ์
สำหรับการระบาดใหญ่ของกรุ๊ปอาการโรคมือ เท้า ปาก พบว่ามีรายงานตั้งแต่ พุทธศักราช2540-2555 มีดังนี้
- พ.ศ.2540 มาเลเซีย (เสียชีวิต 31 ราย) พุทธศักราช2541 ไต้หวัน (คนไข้ 1.5 ล้านราย เสียชีวิต 78 ราย)
- พุทธศักราช2550 อินเดีย (คนไข้ 38 ราย) และก็ พุทธศักราช2551 ประเทศอินเดีย (คนไข้ 25,000 ราย เสียชีวิต 42 ราย) ประเทศสิงคโปร์ (ผู้เจ็บป่วยมากกว่า 2,600 ราย) เวียดนาม (คนไข้ 2,300 ราย เสียชีวิต 11 ราย) มองโกเลีย (คนไข้ 2,600 ราย) และบรูไน (คนป่วย 1,053 ราย)
- พ.ศ.2552 จีน (คนเจ็บ 115,000 ราย เสียชีวิต 85 ราย) และก็ พ.ศ.2553 จีน (คนไข้ 1.6 ล้านราย เสียชีวิต 537 ราย)
- พุทธศักราช2554 เวียดนาม (ผู้เจ็บป่วย 42,000 ราย เสียชีวิต 98 ราย) และจีน (คนป่วย 1.3 ล้านราย เสียชีวิต 437 ราย)
- พ.ศ.2555 เขมร (เสียชีวิต 52 ราย) จีน (คนเจ็บ 460,000 ราย เสียชีวิต 112 ราย) ไทย (ผู้เจ็บป่วย 168,60 ราย เสียชีวิต 1 ราย)
สำหรับเหตุการณ์โรคมือเท้าปากในประเทศไทย อ้างอิงข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2558 มีผู้เจ็บป่วยทั้งหมด 40,417 ราย คิดเป็นอัตราส่วน 62.21 ต่อประชากร 1 แสนคน แล้วก็มีผู้เจ็บป่วยเสียชีวิต 3 ราย ส่วนในปี 2559 ข้อมูลล่าสุดในวันที่ 28 มี.ค. 2559 มีคนเจ็บ 8,973 ราย คิดเป็นอัตราส่วน 13.78 ต่อสามัญชน 1 แสนคน และก็ยังไม่มีคนตาย
ตั้งแต่เริ่มมีการตรวจพบเชื้อ EV71 ในผู้เจ็บป่วยโรค HFMD ในปี2541 ในประเทศไทยก็เริ่มมีการเฝ้าระวังรายงานและก็ซักถามคนป่วยสงสัยติดเชื้อโรค EV71 แล้วก็ปกป้องควบคุมโรคต่อจากนั้นมา พบว่าคนป่วยโดยมากเป็นเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 2 ปีแล้วก็ประมาณครึ่งเดียวติดโรค EV71 ที่มีลักษณะอาการไม่รุนแรง
ส่วนในด้านรายงานการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากจากสำนักระบาดวิทยา พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 1 เดือนเมษายน 2559 มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนอีกทั้งตามสถานศึกษาและก็ในชุมชน 8 เรื่องราว จากจำนวนคนป่วย 22 ราย ดังนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แนะให้สถานศึกษาปฏิบัติตามมาตรการที่กรมควบคุมโรคระบุ เพื่อป้องกันการเกิดโรคและการแพร่ระบาดของโรค
สาเหตุของโรคมือเท้าปาก โรคมือเท้าปากมีสาเหตุจากการตำหนิดเชื้อกลุ่มเชื้อไวรัสเอนเทอโร (Enterovirus) ซึ่งมีอยู่ร่วมกันหลากหลายสาย ดังเช่น ค็อกแซคกีเอและก็บี (Coxsackie A, B), ไวรัสเอนเทอโรประเภท 71 (Enterovirus 71 – EV71) ต้นเหตุที่พบได้ทั่วไปที่สุดก็คือการระบาดจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสค็อกแซคกีเอชนิด 16 (Coxsackievirus A 16) ซึ่งอาการมักจะไม่รุนแรง และคนเจ็บมักจะหายได้เองเป็นส่วนมาก ส่วนต้นสายปลายเหตุที่เจอได้น้อยและมีลักษณะรุนแรง คือ การต่อว่าดเชื้อไวรัสเอนเทอโรชนิด 71 ซึ่งอาจทำให้คนเจ็บเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนกระทั่งขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากนั้นโรคมือเท้าปากยังอาจเกิดได้จากเชื้อไวรัสค็อกแซคกีเอชนิด 5, 7, 9, 10 และเชื้อไวรัสค็อกแซคกีบีชนิด 2 รวมทั้ง 5 ได้บ้าง
ซึ่งโรคนี้จำนวนมากชอบต่อเนื่องกันจากการกินของกิน น้ำกิน การดูดเลียนิ้วมือ หรือของเล่นที่ปนเปื้อนเชื้อที่ออกมากับอุจจาระ น้ำเหลืองจากตุ่มน้ำที่ผิวหนัง หรือละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้เจ็บป่วย ส่วนน้อยที่ติดต่อโดยการดมเอาฝอยละอองน้ำมูก น้ำลายที่คนเจ็บไอหรือจามรด ซึ่งเมื่อเชื้อไปสู่ร่างกายแล้ว ประมาณ 3-6 วัน คนเจ็บก็เลยจะมีลักษณะ
อาการของโรคมือเท้าปาก ภายหลังติดเชื้อโรค 3-7 วัน ผู้เจ็บป่วยจะเริ่มออกอาการเริ่มต้น คือ จับไข้ตํ่าๆประมาณ 38-39o C รวมทั้งมีอาการปวดเหมื่อยตามเนื้อตามตัวเวลานี้จะมีช่วงเวลา ราวๆ 1-2 วัน ต่อจากนั้นจะเริ่มมีอาการเจ็บปาก ตรวจร่างกายจะพบมีรอยโรคในรอบๆปาก มือและก็เท้าได้ดังต่อไปนี้
- รอยโรคบริเวณปาก พบในผู้ป่วยจำนวนร้อยละ 100 มีรอยโรคจํานวน 5-10 แห้ง พบได้ทุกรอบๆในปากแต่ที่พบบ่อยหมายถึงเพดานปาก ลิ้น แล้วก็เยื่อบุกระพุ้งแก้ม รอยโรคระยะเริ่มต้น ลักษณะเป็นรอยสีแดงอาจนูนเล็กน้อยขนาด 2-8 มิลลิเมตรแล้วหลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นตุ่มนํ้าสีเทาขนาดเล็กขอบแดงช่วงที่รอยโรคเป็นตุ่มนํ้าจะสั้น จึงมักตรวจไม่เจอ รอยโรคในตอนนี้แต่ว่าก็มักพบลักษณะเป็นแผลตื้นๆสีเหลืองถึงเทาของแดงซึ่งบางครั้งก็อาจจะมารวมกันเป็นรอยโรคใหญ่ได้
จำนวนร้อยละ 80 ของผู้เจ็บป่วยอาการเจ็บปากจะไม่ร้ายแรงและก็หายได้เองโดยไม่ต้องรักษาด้านใน 5-10 วัน
บางทีอาจเกิดขึ้นพร้อมรอยโรคที่ปาก หรือต่อไปบางส่วนจํานวนตั้งแต่ 2-3 แห้งไปจนถึง 100 ที่ เจอ ที่มือบ่อยมากกว่าเท่า ลักษณะเป็นรอยแดงๆบางทีอาจนูนบางส่วนขนาด 2-10 มม. กึ่งกลางสีเทา บางรอยโรคมี ลักษณะเป็นตุ่มนํ้าใสขอบแดง มีกระจายขนานไปกับแนวของผิวหนังอาจเจ็บหรือไม่ก็ได้จากนั้น 2-3 วัน จะ เริ่มตกสะเก็ด และก็เบาๆหายไปข้างใน 7-10 วัน โดยไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลือ
บริเวณอื่นๆที่อาจพบรอยโรคได้เช่นกันหมายถึงก้น แขน ขา และอวัยวะสืบพันธุ์ในทารกบางทีอาจเจอ กระจัดกระจายทั่วตัวได้
โดยธรรมดาโรคมือเท้า ปากตลาดว่ามีลักษณะน้อยส่วนใหญ่มักมีเพียงไข้ปวดเนื้อปวดตัวและก็เจ็บปาก แต่ว่า ในผู้ป่วยบางรายบางทีอาจเจอภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้โดยยิ่งไปกว่านั้นจากการติดเชื้อ enterovirus 71 ปัจจัยเสี่ยงต่อ การพบภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง คือ
- อายุในกรุ๊ปคนไข้อายุน้อยจะพบอาการแทรกร้ายแรงและเสียชีวิตมากยิ่งกว่าในกลุ่มคนป่วยที่อายุมาก ยกตัวอย่างเช่นการระบาดในปีพ.ศ.2541 ที่ประเทศไต้หวัน พบว่าอัตราการเสียชีวิตโดยรวมหมายถึง44.4/100,000 รายแต่ว่ากลุ่มที่อัตราการเสียชีวิตสูงสุดหมายถึง6-11 เดือนพอๆกับ 96.96/100,000 ราย
- จับไข้สูงเกินกว่า 39o C รวมทั้งนานเกิน 3 วัน
- มีอาการคลื่นไส้มากทานอาหารมิได้
ซึ่งปัจจัยเสี่ยงในข้อ 2 รวมทั้ง 3 จากการศึกษาเรียนรู้ที่โรงหมอเด็ก Chang Gung ประเทศไต้หวัน พบว่า สัมพันธ์กับการตำหนิดเชื้อ EV มากกว่า Cox A โดยมักจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน/ทางระบบประสาท ระบบหัวใจ รวมทั้งปอดได้สูง ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างรวดเร็วจากสภาวะปอดบวมน้ำ เลือดออกในปอด และก็ภาวะช็อก
แต่เชื้อคอกแซคก็เชื้อไวรัส เอ 16 ก็อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกเป็น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มห่อหัวใจอักเสบ รวมทั้งภาวะช็อกได้ แม้กระนั้นพบได้น้อยกว่าจากเชื้อ เอนเทอโรไวรัส 71 มากมาย
ปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคมือเท้าปาก - เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี เป็นกลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมากที่สุด เพราะมักพบการติดเชื้อและการระบาดของโรคใน สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือศูนย์เด็กเล็กเป็นส่วนใหญ่
- การที่ผู้ดูแลเด็กไม่ได้ให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อของโรคมือเท้าปาก
- สภาพที่อยู่อาศัย หรือโรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็กไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น มีลักษณะอับ ทึบ แสงแดดส่องไม่ถึง
- การใช้ข้าวของเครื่องใช้ เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ช้อน ร่วมกัน
- การไอ จาม รดกัน หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว
แนวทางการรักษาโรคมือ เท้าปาก การวินิจฉัยโรคมือเท้าปากโดยทั่วไปใช่อาการและอาการแสดงเป็นสําคัญ (clinical diagnosis) โดยแพทย์จะตรวจร่างกายหารอยโรคจําเพาะที่บริเวณมือเท้า ปากร่วมกับมีไข้ ได้แก่ ผู้ป่วยมีไข้ 38 – 39 องศาเซลเซียส พบจุดนูนแดง ตุ่มน้ำใส หรือ แผลที่เยื่อบุปาก ลิ้น และเหงือก พบจุดแดงราบ ตุ่มนูน หรือตุ่มน้ำที่มือ เท้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และแก้มก้น
การตรวจรอยโรคที่ผิวหนัง (cutaneous lesion) ทางพยาธิวิทยา(histology) จะพบเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil และ lymphocyte เพิ่มขึ้น แต่จะไม้พบmultinucleated giant cell หรือ inclusion body 11 สําหรับในกรณีที่ต้องการทราบชนิดของเชื้อไวรัสที่ก้อโรค สามารถทําได้โดยการแยกเชื้อไวรัส หรือตรวจ ร่องรอยการติดเชื้อจากนํ้าเหลือง สําหรับประเทศไทยใช้วิธี micro-neutralization หากพบผู้ป่วยในข่ายสงสัยให้ เก็บตัวอย่างดังนี้
- อุจจาระภายใน 14 วันของการป่วยโดยเก็บประมาณ 8 กรัม ใส่กล่องพลาสติกสะอาด
- สวอบลําคอ (throat swab) โดยจุ่มปลายสวอบลงใน viral transport media ให้จมปลาย ตัวอย่างในข้อ 1 และ 2 ให้เก็บส่งโดยแช่เย็นในกระติกนํ้าแข็งอุณหภูมิ 4-8o C และส่งห้องปฏิบัติ การโดยเร็วที่สุด
- เก็บเลือด 2 ครั้งประมาณ 3-5 มล.ต่อครั้ง ครั้งแรกที่สุดภายใน 3-5 วันหลังป่วยและครั้งที่ 2 หลัง จากครั้งแรก 14วัน โดยใส่ในหลอดแก้วปราศจากเชื้อพันพลาสเตอร์ให้แน่น เก็บตัวอย่างในตู้เย็น เพื่อรอส่งตรวจพร้อมกัน
โรคมือเท้าปากไม่มีวัคซีนหรือยาสำหรับรักษาโรคโดยตรง การรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ เช่นการให้ยาลดไข้ paracetamol หรือให้ยาบ้วนปากเพื่อช่วยลดอาการเจ็บของแผลในช่องปาก ถ้าตุ่มกลายเป็นหนองหรือพุพองก็จะให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี อะม็อกซีซิลลิน อีริโทรไมซิน เป็นต้น ถ้ามีภาวะขาดน้ำเนื่องจากกินและดื่มไม่ได้ ก็จะให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ก็จำเป็นต้องรับเด็กไว้รักษาในโรงพยาบาลหรือส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.2539 มีการศึกษาที่ Medical College of Ohio ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการทดลองใช้ acyclovir ในการรักษาผู้ป่วยโรคมือเท้า ปาก 13 รายซึ่ง 12 รายเป็นเด็กอายุ 1-5 ปีและอีก 1 รายเป็นผู้ใหญ่ โดยเริ่มใช้ยา acyclovir ภายใน 1-2 วัน หลังเริ่มมีรอยโรคพบว่าอาการของผู้ป่วยดีขึ้น และรอยโรคเปลี่ยนแปลงดี ขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังเริ่มรักษา ได้ให้ acyclovir ต่ออีก 5 วันจนรอยโรคหายไปหมด ผู้ศึกษาเชื่อว่า acyclovir อาจไปยับยั้งเอนไซม์ thymidine kinase ของ Cox A16แต่ก็อาจมีประโยชน์ ด้านอื่นด้วยเช่น อาจทําให้ผู้ป่วยสร้าง interferon เพื่อยับยั้งไวรัสมากขึ้น15 อย่างไรก็ดียังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ acyclovir ในการ ลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
และหลังจากการติดเชื้อผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสที่ก่อโรค แต่อาจเกิดโรคมือเท้า ปากซํ้าได้จาก enterovirus ตัวอื่นๆการติดต่อของโรค มือ เท้า ปาก โรคมือเท้าปากสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งจากตุ่มน้ำใส หรือสารคัดหลั่งจากจมูกและปากอันได้แก่ น้ำมูก เสมหะ หรือน้ำลาย นอกจากนี้แล้วไวรัสยังสามารถพบได้ในอุจจาระ โดยไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ตั้งแต่ในระยะแรกที่แสดงอาการโดยช่วงที่มีการแพร่กระจายมากที่สุด คือ สัปดาห์แรกที่ผู้ป่วยมีอาการและอาจจะยังพบได้อีกหลายสัปดาห์ในอุจจาระของผู้ป่วยที่หายจากอาการของโรคแล้ว นอกจากนี้แล้วในผู้ใหญ่อาจจะสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้โดยไม่แสดงอาการใดๆ ซึ่งการได้รับไวรัสอาจเป็นการได้รับโดยตรงเช่นจากการไอหรือจาม หรืออาจจะได้รับไวรัสโดยอ้อมโดยการสัมผัสกับพื้นผิวหรือสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสอยู่ เช่นในสถานรับเลี้ยงเด็กซึ่งอาจมีของเล่นหรือของใช้เด็กที่ปนเปื้อนน้ำลายเนื่องจากเด็กเล็กมักชอบนำสิ่งของเข้าปาก ดูดเลียนิ้วมือ รวมถึงจากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ มือของผู้เลี้ยงดูเด็กที่ไม่สะอาด เป็นต้น เนื่องจาก
โรคมือเท้าปากมักพบในเด็กเล็ก ดังนั้นการระบาดมักพบในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือตามโรงเรียนอนุบาล เชื้อเอนเทอโรไวรัสสามารถทนสภาวะกรดในทางเดินอาหารมนุษย์ได้ และมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิห้องได้ 2-3วัน
โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเย็นหรือชื้นแฉะเชื้ออาจอยู่ได้เป็นเดือน นอกจากนี้ การทำลายเชื้อต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม น้ำยาฆ่าเชื้อทั่วๆ ไปบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์ ๗๐ เปอร์เซ็นต์และแอลกอฮอล์เจลใช้ป้องกันไวรัสไข้หวัดได้ แต่สำหรับเชื้อไวรัสเอนเทอโร แอลกอฮอล์ไม่มีผลโดยตรง
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่จำเป็นต้องให้ยารักษาจำเพาะ เพียงแต่ให้การดูแลตามอาการ และเฝ้าติดตามอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด โดยมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้
- ทานยาลดไข้ พาราเซตามอล เป็นครั้งคราวเวลา มีไข้สูง
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยสังเกตดูว่ามีปัสสาวะออกมากและใส จึงนับว่าได้น้ำพอเพียง
- ในช่วงที่มีอาการเจ็บแผลในปาก ให้กินอาหารเหลวหรือของน้ำๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด นม น้ำเต้าหู้ น้ำหวาน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บในปาก อาจใช้วิธีอมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ดื่มน้ำหรือนมเย็นๆ กินไอศกรีม หรือบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ (ผสมเกลือป่นครึ่งช้อนชาในน้ำอุ่น ๑ แก้ว) วันละหลายๆ ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการเจ็บแผลในปาก
- แยกของใช้ไม่ใช้ร่วมกับคนอื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูด ช้อน-ส้อม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือ ขับถ่ายอุจจาระลงในในโถส้วม
- ควรทำความสะอาดพื้นห้องและพื้นผิวอื่นๆ ที่สัมผัสบ่อยๆ รวมถึงห้องสุขาและห้องน้ำ โดยล้างด้วยน้ำและผงซักฟอก แล้วตามด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอรีน เช่น ไฮเตอร์ ไฮยีน คลอร็อกซ์ โดยผสมตามฉลากปิดข้างขวด ทิ้งไว้ ๑๐ นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำให้สะอาดเพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง
- แยกเด็กที่ป่วยไม่ให้คลุกคลีกับเด็กคนอื่นๆ ทั้งเพื่อนบ้าน และพี่น้องที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เช่น การกอดรัด การเล่นของเล่นที่เปื้อนน้ำลายหรือน้ำมูกของผู้ป่วย โดยเฉพาะในกรณีที่มีน้องเล็กๆ อายุ ๑-๒ ปีหรือน้อยกว่า เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดอาการรุนแรง ไม่นำเด็กไปในที่ที่มีคนอยู่จำนวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด สระว่ายน้ำ ควรให้เด็กอยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี
- ขอให้เด็กหยุดเรียนเป็นเวลา ๗ วันนับจากวันเริ่มมีอาการ (ถึงแม้ว่าเด็กอาจมีอาการดีขึ้นก่อนครบ ๗ วัน) หากเด็กมีอาการป่วยรุนแรงขึ้น เช่น ไข้สูง อาเจียน หอบเหนื่อย ซึม ชัก หรืออาการแย่ลง ต้องรีบพาไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที ในกรณีผู้ป่วยเป็นผู้ใหญ่ให้หยุดงานเป็นเวลา 7 วันเช่นกัน
- ควรปรึกษาแพทย์ เมื่อมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ตุ่มน้ำ กลายเป็นตุ่มหนองหรือพุพองจากการเกาให้แพทย์พิจารณาใช้ยาปฏิชีวนะรักษา
- มีอาการเจ็บแผลในปาก จนกินอาหารและดื่มน้ำไม่ได้ มีภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะออกน้อย
- มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนรุนแรง ไม่ค่อยรู้ตัว ชัก แขนขาอ่อนแรง หรือหายใจหอบเหนื่อย ควรส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
- อาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
การปกป้องคุ้มครองตัวเองจากโรคมือเท้าปาก- สำหรับเด็ก ให้ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและก็สบู่ทุกหนข้างหลังการขับถ่าย ก่อนที่จะรับประทานอาหาร หรือเมื่อสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย
- สำหรับผู้ดูแลเด็ก ให้ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกคราวก่อนจะมีการเตรียมอาหาร ก่อนที่จะรับประทานอาหาร และก็ข้างหลังการขับถ่าย รวมถึงหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก ข้างหลังการช่วยล้างตูดให้แก่เด็กเล็กที่พึ่งขับถ่าย หรือสัมผัสกับสิ่งคัดเลือกหลั่งของเด็ก อย่างเช่น น้ำมูก น้ำลาย
- ให้ลูกหลานหลีกเลี่ยงการเล่น หรือคลุกคลีกับเด็กที่ป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก
- ไม่นำเด็กเล็กไปในที่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก ได้แก่ ห้าง ตลาด สระว่ายน้ำ และก็ควรจะให้อยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี ในตอนที่มีการระบาดของโรคมือเท้าปากในพื้นที่
- เลี่ยงการใช้สิ่งของ ได้แก่ แก้วน้ำ หลอดดูด ขวดที่มีไว้ใส่นม ช้อนชาม เสื้อผ้า ผ้าที่มีไว้สำหรับเช็ดตัว ของเล่นเด็ก เป็นต้น ร่วมกับผู้อื่นโดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรคนี้
- ฝึกฝนเด็กให้มีสุขนิสัยที่ดี และหลบหลีกการใส่นิ้วมือหรือของเด็กเล่นเข้าปาก
- ทําความสะอาดพื้น ของใช้เสื้อผ้าที่อาจปนเปื้อนเชื้อ ด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อที่ใช้ทั่วๆไปข้างในบ้าน
- พ่อแม่ผู้ปกครองช่วยตรวจตราลักษณะของลูกหลานทุกเมื่อเชื่อวัน หากมีแผลในปากหลายแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเจ็บมากจนทำให้ไม่ค่อยรับประทานอาหาร ให้ช่วยแจ้งแก่โรงเรียนเพื่อมีการดำเนินงานควบคุมโรคที่เหมาะสม
- สำหรับบิดามารดาผู้ดูแลที่จะพาบุตรหลานที่เป็นเด็กเล็กไปที่ต่างประเทศที่มีการระบาด สามารถเดินทางได้ตามธรรมดา โดยให้กระทำตนตามสุขลักษณะที่ดี เลี่ยงพาบุตรหลานไปสถานที่คับแคบ รวมทั้งถ้าหากลูกหลานมีลักษณะเจ็บไข้ที่สงสัยโรคมือ เท้า ปาก ให้พาไปพบหมอ
สมุนไพรที่ใช้รักษา/ทุเลาลักษณะของโรคมือเท้าปาก สมุนไพรที่สามารถนำมาใช้บรรเทาลักษณะโรคมือเท้าปากนั้นมีดังนี้ แม้มีแผลในปากก็สามารถใช้กลีเซอรีนพญายอหยอดรอบๆแผลได้ เนื่องจากในใบพญายอมีสารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ ทำให้แผลหายเร็วขึ้นและก็ไม่มีอันตราย ไม่มีผลใกล้กัน
สมุนไพรในโรค มือ-เท้า-ปาก คือ ฟ้าทลายมิจฉาชีพ (Andrographis paniculata (Burm.F.) Nees.) เป็นงานศึกษาเรียนรู้ที่ทำในประเทศจีน โดยนักวิจัยได้สกัดสารสำคัญของฟ้าทลายมิจฉาชีพแล้วก็ทำให้อยู่ในลักษณะของยาฉีดหมายถึงAndrographolide Sulfonate injection
งานศึกษาเรียนรู้นี้ทำในเด็กที่เป็นโรค มือ-เท้า-ปาก อายุ 1-13 ปี ปริมาณ 230 คน โดยแบ่งเป็น 2 กรุ๊ป กรุ๊ปแรกจะได้รับการรักษาแบบแผนเดิมร่วมกับ สารสกัดฟ้าทะลายขโมยในต้นแบบบาฉีด (Andrographolide Sulfonate injection) อีกกลุ่มจะได้รับการดูแลรักษาแบบแผนเดิม โดยติดตามผล 7-10 วัน ผลการศึกษาวิจัยพบว่า กรุ๊ปแรกจะพบอาการเข้าแทรกแบบรุนแรงน้อยกว่ากรุ๊ปลำดับที่สองอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังส่งผลให้ไข้ต่ำลงได้เร็วขึ้น ทำให้แผลที่ผิวหนังและก็แผลในปากหายมากยิ่งกว่ากลุ่มหวานใจษาแบบแผนเดิม และไม่เจอการเสียชีวิตแล้วก็ผลกระทบที่รุนแรงในกลุ่มทดลองอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง- ดร.ภก.ปิยทิพย์ ขันตยาภรณ์.โรคมือเท้าปากในเด็ก.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.ภาควิชาจุลชีววิทยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- Chang L, Lin T, Huang Y, et al. Comparison of enterovirus 71 and coxsackie-virus A16 clinical illnesses during the Taiwan enterovirus epidemic, 1998. Pediatr Infect Dis J 1999;18(12): 1092-6.
- Abzug MJ. Hand-Foot-and-Mouth Disease. Kliegman: Nelson Textbook of Pediatrics, 19th ed.
- รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคมือ-เท้า-ปาก.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 326.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.มิถุนายน.2549
- โรคมือ-เท้า-ปาก (Hand-Food-and-Mouth Disease; HEMD) และโรคจากเชื้อ Enterovirus 71 (EV-71) .หน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.
- หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป “โรคมือ-เท้า-ปาก (Hand-foot-and-mouth-disease)”. (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ). หน้า 1121-1123. http://www.disthai.com/
- Alsop J. Hand-foot-and-mouth disease in Birmingham in 1959. Br Med J 1960;2:1708.
- Shelley WB, Hashin M, Shelley ED. Acyclovir in the treatment of hand-foot-and-mouth disease.Cutis 1996;57:232-4.
- โรคมือ เท้า ปาก พ.ศ.2555. หมอชาวบ้าน(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
- Ho M, Chen E, Hsu K, et al. An epidemic of enterovirus 71 infection in Taiwan. N Engl J Med 1999; 341(13): 929-35.
- Jennifer CH, Antoinette FH. Hand-food-and-mouth disease. In: Freedberg IM, Eisen AZ, editors. Fitzpatrick’s Dermatology in General Medicine. 5th ed. New York: McGraw-Hill; 1999. p. 2403-7.
- สมุนไพรที่เคยมีการทำวิจัยในโรคมือเท้าปาก.อภัยภูเบศสาร.ปีที่ 12 .ฉบับที่133.กรกฎาคม.2557
- Luan YC, Tzou YL, Yhu CH, Kou CT, Shin RS, Ming LK, et al. Comparison of enterovirus 71 and coxsackie virus A16 clinical illnesses during the Taiwan enterovirus epidemic, 1998.Pediatr Infect Dis J 1999;18:1092-6.
- Robinson CR. Report on an outbreak of febrile illness with pharyngeal lesions and examthem. Toronto, Summer 1957-isolation group A Coxsackie virus. Can Med Assoc J 1958;79:615.
- Theokiss Z, Joel DK. Enterovirus infection. Pediatrics in Review 1998;19:183-91.
- พญ.ชนิกานต์ คีรีวิเชียร,พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ.โรคมือเท้าปาก (Hand-Food-and-Mouth-Disease).คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.กันยายน 2545.หน้า 1- 9
- โรคมือเท้าปาก-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
Tags : โรคมือเท้าปาก