โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)โรคต่อมทอนซิลอักเสบคืออะไร ต่อมทอนซิล เป็นอวัยวะที่อยู่ภายในลำคอ ซึ่งเป็นต่อมคู่ซ้ายขวาใกล้กับโคนลิ้น โดยคือต่อมน้ำเหลืองที่ปฏิบัติภารกิจจับสิ่งปลอมปนจากอาหาร , น้ำดื่มและก็การหายใจ ดังเช่นว่า แบคทีเรียที่ไปสู่ร่างกายเหมือนกองทหารด่านหน้า แล้วก็บ่อยที่ต่อมทอนซิลมักมีการอักเสบขึ้น
ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)หมายถึงโรคที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการอักเสบติดเชื้อของต่อมทอนซิลซึ่งเป็นโรคพบมากโรคหนึ่ง เจอได้ในทุกอายุ แต่ว่าพบบ่อยกว่าในเด็ก และไม่ค่อยเจอในคนแก่และก็ผู้สูงวัย โอกาสเกิดโรคเท่ากันในผู้หญิงและก็ผู้ชาย ต่อมทอนซิลอักเสบพบได้ทั้งยังการอักเสบติดเชื้อโรคกระทันหันซึ่งเมื่อเกิดมักมีลักษณะร้ายแรงกว่า แม้กระนั้นรักษาหายได้ภายใน 1 - 2 สัปดาห์ และอักเสบเรื้อรังที่มักจะเป็นๆหายๆอาการแต่ละครั้งรุนแรงน้อยกว่าประเภทเฉียบพลัน แต่มีลักษณะอักเสบกระทันหันซ้อนได้เป็นระยะๆซึ่งนิยามของต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังเช่น มีต่อมต่อมทอนซิลอักเสบเกิดขึ้นขั้นต่ำ 7 ครั้งใน 1 ปีที่ล่วงเลยไป หรือขั้นต่ำ 5 ครั้งทุกปีติดต่อกันใน 2 ปีที่ผ่านมา หรืออย่างต่ำ 3 ครั้งทุกปีต่อเนื่องกันใน 3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งยังโรคนี้เกิดได้จากหลายกรณี เช่นมีต้นเหตุจากกรุ๊ปโรคติดเชื้อและก็กรุ๊ปโรคไม่ติดเชื้อโรค ซึ่งในเนื้อหานี้จะขอกล่าวถึงการอักเสบจากโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสแล้วก็เชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้เป็นส่วนมาก โดยเฉพาะต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “เบต้า-ฮีโมไลติเตียนกสเตรปโตค็อกคัสกรุ๊ปเอ” (Group A beta-hemolytic streptococcus) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีเนส” (Streptococcus pyogenes) ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนเจ็บมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมาได้
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคต่อมทอนซิลอักเสบ การติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลจำนวนมากเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผ่านเข้าทางปาก โดยต่อมทอนซิลจะช่วยคุ้มครองป้องกันการติดเชื้อด้วยการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค รวมทั้งเพราะว่าเป็นภูมิคุ้มกันด่านแรก ต่อมทอนซิลจึงเป็นอวัยวะที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการอักเสบและก็ติดเชื้อมาก
โดยต่อมทอนซิลอักเสบส่วนใหญ่ เป็นการติดเชื้อไวรัส ซึ่งเจอได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าการต่อว่าดเชื้ออื่นๆราว 70 - 80% ของต่อมทอนซิลอักเสบทั้งสิ้น ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่อโรคต่อมทอนซิลอักเสบมีหลายชนิดเช่น
- ไรโนไวรัส (Rhinoviruses) ไวรัสที่ส่งผลให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วๆไป
- ไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza) เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่
- ไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) ก่อให้เกิดโรคกล่องเสียงอักเสบและก็กรุ๊ปอาการครู้ป
- เชื้อไวรัสเอนเทอร์โร (Enteroviruses) ที่มาของโรคมือเท้าปาก
- เชื้อไวรัสรูบิโอลา (Rubeola) ทำให้มีการเกิดโรคฝึกฝน
- ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) ไวรัสที่มักเป็นต้นเหตุ ที่มา : wikipedia ของอาการท้องเสีย
- ไวรัสเอ็บสไตน์บาร์ (Epstein-Barr) ที่สามารถส่งผลให้เกิดโรคโมโนนิวคลีโอซิส แต่ทอนซิลอักเสบที่เกิดขึ้นมาจากแบคทีเรียประเภทนี้จะเจอได้ไม่บ่อย
- แล้วก็อีกมูลเหตุหนึ่งเป็นการติดโรคแบคทีเรียโดยประมาณ 15 - 20 %
สิ่งที่ทำให้เกิดต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยที่สุดเกิดจากการเชื้อสเต็ปโตคอคคัสกลุ่ม ที่ส่งผลให้เกิดทอนซิลอักเสบแบบเป็นหนอง (exudative tonsil litis)
ลักษณะของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ โดยปกติโรคต่อมทอนซิลอักเสบมักเกิดร่วมกับการอักเสบติดโรคของคอเสมอ
ลักษณะของโรคต่อมทอนซิลอักเสบแยกได้เป็น 2 กรุ๊ปใหญ่ๆคือ- กลุ่มที่มีเหตุมาจากไวรัส มีลักษณะอาการเจ็บคอบางส่วนถึงปานกลาง และไม่เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆตอนกลืน อาจมีอาการเป็นหวัด น้ำมูกใส ไอ เสียงแหบ เป็นไข้ ปวดศีรษะเล็กน้อย ตาแดง บางบุคคลอาจมีอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลวร่วมด้วย การตรวจสอบคอจะพบฝาผนังคอหอยแดงเพียงนิดหน่อย ทอนซิลบางทีอาจโตนิดหน่อยมีลักษณะแดงเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ
- กรุ๊ปที่มีสาเหตุจากแบคทีเรีย จะมีอาการไข้สูงเกิดขึ้นฉับพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามตัว อ่อนเพลีย ไม่อยากกินอาหาร เจ็บคอมากกระทั่งกลืนน้ำลายหรือของกินตรากตรำ อาจมีอาการปวดร้าวขึ้นไปที่หู บางคนอาจมีลักษณะของการปวดท้อง หรืออาเจียนรวมทั้งมีกลิ่นปากร่วมด้วย มักจะไม่มีอาการน้ำมูกไหล ไอ หรือตาแดง แบบการติดเชื้อจากไวรัส
ยิ่งไปกว่านี้จะพบผนังคอหอยแล้วก็เพดานอ่อน มีลักษณะแดงจัดรวมทั้งบวม ต่อมทอนซิลบวมโตสีแดงจัด รวมทั้งมีแผ่นหรือจุดหนองสีขาวๆเหลืองๆติดอยู่บนทอนซิล นอกเหนือจากนี้ ยังบางทีอาจตรวจเจอต่อมน้ำเหลืองที่ใต้ขากรรไกรบวมโตและเจ็บ
กระบวนการรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบการวิเคราะห์โรคทอนซิลอักเสบ แพทย์จะวิเคราะห์พื้นฐานด้วยอาการแสดงและการตรวจคอโดยบางทีอาจใช้แนวทางการต่อแต่นี้ไป
- ใช้ไฟฉายส่องดูรอบๆลำคอ และก็บางทีอาจมองบริเวณหูและก็จมูกร่วมด้วย เนื่องจากเป็นบริเวณที่ออกอาการติดเชื้อโรคได้เช่นกัน
- ตรวจสอบผื่นแดงที่เป็นอาการโรคไข้อีดำอีแดงซึ่งเป็นผลมาจากเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกับกับโรคคออักเสบ
- ตรวจด้วยการคลำสัมผัสเบาๆที่ลำคอเพื่อมองว่าต่อมน้ำเหลืองบวมหรือไม่
- ใช้เครื่องสเต็ทโทสโคปฟังเสียงจังหวะการหายใจของคนเจ็บ
ถ้าหากพบผนังคอหอยและก็ต่อมทอนซิลมีลักษณะแดงเพียงเล็กน้อยหรือเปล่าชัดเจน ก็มักมีเหตุที่เกิดจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส หากต่อมทอนซิลบวมโต แดงจัด และมีแผ่นหรือจุดหนองติดอยู่บนต่อมทอนซิล ก็มักจะมีต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อเบตาฮีโมโลว่ากล่าวกสเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ ในรายที่ยังไม่แน่ใจแพทย์บางทีอาจจำต้องกระทำการตรวจหาเชื้อจากบริเวณคอหอยและก็ทอนซิล โดยใช้แนวทางที่เรียกว่า "rapid strep test" ที่สามารถรู้ผลได้ในไม่กี่นาที ถ้าผลการตรวจกำกวม ก็อาจต้องทำเพาะเชื้อซึ่งจะทราบผลใน 1-2 วัน
การดูแลและรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ แพทย์จะให้การรักษาตามมูลเหตุที่พบ เป็น- มีต้นเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัส ก็จะให้การรักษาแบบเกื้อหนุนตามอาการ อาทิเช่น ยาลดไข้ แก้ไอ แก้หวัด ไม่มีการให้ยาปฏิชีวนะ ด้วยเหตุว่าไม่สามารถที่จะทำลายเชื้อเชื้อไวรัสได้ ซึ่งลักษณะโรคมักจะหายได้ด้านใน 1 อาทิตย์
- มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย นอกเหนือจากให้ยาบรรเทาตามอาการแล้ว ก็จะให้ยาปฏิชีวนะรักษาด้วยการใช้ ยกตัวอย่างเช่น เพนิสิลลินวี (Penicillin V) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) อีริโทรไมซิน (Erythromyin) อาการมักดีขึ้นหลังกินยาปฏิชีวนะ 48-72 ชั่วโมง โดยหมอจะให้กินยาสม่ำเสมอกระทั่งครบ 10 วัน เพื่อปกป้องภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา
ทั้งนี้การกินยาปฏิชีวนะจำเป็นจะต้องกินให้ครบตามคำแนะนำของหมอ เพื่อให้แน่ใจว่าแบคทีเรียถูกกำจัดจนหมด เนื่องด้วยเชื้อแบคทีเรียที่กำจัดไม่หมดอาจจะเป็นผลให้การติดเชื้อห่วยแตกลงหรือแพร่ระบาดไปยังส่วนอื่นของร่างกาย นอกจากนั้นในเด็กยังเสี่ยงเกิดภาวะสอดแทรก เช่น การติดเชื้ออย่างรุนแรงที่ไต แล้วก็ไข้รูมาติกซึ่งเป็นการติดเชื้อโรครอบๆลิ้นหัวใจร่วมกับมีไข้ตามมาได้
นอกจากนี้ยังมีวิธีการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (tonsillectomy) ซึ่งเป็นวิธีรักษาต่อมทอนซิลอักเสบที่เป็นซ้ำหลายหน หรือทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หรือทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแค่นั้น โดยสังเกตได้จากลัษณะดังกล่าวต่อไปนี้
- ต่อมทอนซิลอักเสบมากกว่า 7 ครั้งในรอบหนึ่งปี
- ต่อมทอนซิลอักเสบมากกว่า 4-5 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 2 ปีให้หลัง
- ต่อมทอนซิลอักเสบมากกว่า 3 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 3 ปีให้หลัง
นอกเหนือจากนั้น หมอยังบางทีอาจใช้การผ่าตัดต่อมทอนซิลในกรณีที่ต่อมทอนซิลอักเสบกระตุ้นให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยากจะรักษาตามมา ดังเช่น
- ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (นำมาซึ่งอาการนอนกรมเพราะว่าต่อมทอนซิลโต)
- หายใจไม่สะดวก (เหตุเพราะต่อมทอนซิลโตมากจนอุดกั้นทางเดินหายใจ)
- กลืนทุกข์ยากลำบาก โดยเฉพาะเมื่อกลืนเนื้อหรืออาหารชิ้นครึ้มๆ
- เป็นฝีที่ใช้ยาปฏิชีวนะแล้วยังไม่ดีขึ้น
- มีต่อมต่อมทอนซิลโตข้างเดียว ซึ่งอาจเป็นลักษณะโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของ
โรคต่อมทอนซิลอักเสบ การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลหลายครั้งหรือเรื้อรังอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตัวอย่างเช่น เกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ หายใจไม่สะดวก การต่อว่าดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อโดยรอบ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะนำไปสู่โรคต่างๆตามมา อาทิเช่น ในกลุ่มที่มีเหตุที่เกิดจากไวรัส จำนวนมากจะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนผู้ที่ลักษณะโรคร่วมกับไม่สบายหวัด ไข้หวัดใหญ่ ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน เป็นต้นว่า ภูมิแพ้ หูชั้นกึ่งกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ฯลฯ รวมทั้งในกลุ่มที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้
- เชื้อบางทีอาจแพร่กระจายไปยังรอบๆใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ ฝีที่ทอนซิล
- เชื้อบางทีอาจเข้ากระแสโลหิตแพร่ไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบจำพวกเฉียบพลัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- นำมาซึ่งปฏิกิริยาภูไม่ต้านทานตนเอง (autoimmun reaction) กล่าวอีกนัยหนึ่งภายหลังติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยาขัดขวางเยื่อของตน นำมาซึ่งโรคแทรกรุนแรง อย่างเช่น ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อรวมทั้งหัวใจ ถ้าเกิดปลดปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจจะส่งผลให้เกิดโรคลิ้นหัวใจทุพพลภาพ หัวใจวายได้) แล้วก็ หน่วยไตอักเสบรุนแรง (เป็นไข้ บวม ปัสสาวะสีแดง อาจจะก่อให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกเหล่านี้มักกำเนิดข้างหลังต่อมทอนซิลอักเสบ 1-4 อาทิตย์
สำหรับไข้รูมาติก มีโอกาสเกิดขึ้นราวๆร้อยละ 0.3-3 ของผู้ที่มิได้รับการดูแลรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างแม่นยำ แต่ทั้งนี้การคุ้มครองป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (ถึงแม้ว่าอาการจะทุเลาหลังรับประทานยาได้ 2-3 วันไปและก็ตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกับในโรคหวัดทั่วไปรวมทั้งในโรคไข้หวัดใหญ่คือ เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายและเสลด (รวมทั้งสารคัดหลั่งอื่นๆ) ของคนไข้ และจะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังที่กล่าวมาข้างต้นจากคนไข้ จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกรวมทั้งช่องปากได้แก่ น้ำมูก น้ำลายคนป่วย แล้วก็จากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดหลั่งดังกล่าวข้างต้น
- มีต่อมทอนซิลโตข้างเดียว ซึ่งบางทีอาจเป็นอาการของโรคโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยครั้งหรือเรื้อรังอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆอย่างเช่น เกิดภาวะหยุดหายใจขณะกำลังนอนหลับ หายใจลำบาก การติดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะก่อกำเนิดโรคต่างๆตามมา ยกตัวอย่างเช่น ในกลุ่มที่มีสาเหตุมาจากไวรัส ส่วนมากจะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนคนที่อาการโรคร่วมกับเจ็บป่วยหวัด ไข้หวัดใหญ่ ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ดังเช่น ภูมิแพ้ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ เป็นต้น รวมทั้งในกลุ่มที่มีต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังนี้
- เชื้อบางทีอาจแพร่กระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ ฝีที่ทอนซิล
- เชื้ออาจเข้ากระแสโลหิตแพร่ระบาดไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบจำพวกรุนแรง กระดูกอักเสบเป็นหนอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- นำมาซึ่งปฏิกิริยาภูเขามิต่อต้านตัวเอง (autoimmun reaction) กล่าวอีกนัยหนึ่งภายหลังติดโรคแบคทีเรียจำพวกนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยาต้านทานเยื่อของตัวเอง นำไปสู่โรคแทรกซ้อนรุนแรง ดังเช่นว่า ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อและก็หัวใจ แม้ปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจจะก่อให้กำเนิดโรคลิ้นหัวใจพิการ หัวใจวายได้) รวมทั้ง หน่วยไตอักเสบทันควัน (จับไข้ บวม เยี่ยวสีแดง อาจส่งผลให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกพวกนี้มักกำเนิดข้างหลังทอนซิลอักเสบ 1-4 สัปดาห์
สำหรับไข้รูมาติก มีโอกาสเกิดขึ้นราวปริมาณร้อยละ 0.3-3 ของคนที่ไม่ได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง แต่ว่าดังนี้การป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (ถึงแม้ว่าอาการจะทุเลาหลังรับประทานยาได้ 2-3 วันไปและจากนั้นก็ตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เช่นเดียวกับในหวัดทั่วไปและในโรคไข้หวัดใหญ่เป็น เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายและเสลด (รวมถึงสารคัดหลั่งอื่นๆ) ของผู้เจ็บป่วย รวมทั้งจะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังกล่าวข้างต้นจากคนป่วย จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกรวมทั้งช่องปากเป็นต้นว่า น้ำมูก น้ำลายผู้เจ็บป่วย และจากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดหลั่งดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบฟ้าทะลายโจร ชื่อวิทยาศาสตร์ Andropraphis paniculata (Burm.f.) Wall. EX Nees ชื่อพ้อง Justicia paniculata Burm.f. ชื่อวงศ์ Acanthaceae คุณประโยชน์: ตำราเรียนยาไทย: มีการใช้ส่วนเหนือดินเก็บก่อนที่จะมีดอก เพื่อรักษาไข้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดับพิษร้อน ยับยั้งอักเสบในอาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ขับเสลด ลดบวม แก้ติดเชื้อโรค แบบอย่างแล้วก็ขนาดวิธีใช้ยา:.ทุเลาลักษณะการเจ็บคอ กินครั้งละ 3-6 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารรวมทั้งก่อนนอน ทุเลาอาการหวัด กินทีละ 1.5-3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารและก่อนนอน ส่วนประกอบทางเคมี: สารจำพวกแลคโตน andrographolide,neoandrographolide,deoxyandrographolide, deoxy-didehydroandrographolide สารกรุ๊ปฟลาโวน ดังเช่น aroxylin, wagonin, andrographidine A
จากการเรียนคุณภาพของสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรในผู้เจ็บป่วยระบบทางเดินหายใจส่วนบนไม่รุนแรง 223 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากฟ้าทะลายขโมย 200 มก.ต่อวัน รวมทั้งอีกกรุ๊ปกินยาหลอกเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งจะประเมินผลด้วยการวัดอาการจากตัวผู้เจ็บไข้เองในด้านต่างๆตัวอย่างเช่น อาการไอ เสมหะ มีน้ำมูก ปวดหัว จับไข้ เจ็บคอ อาการอิดโรยง่าย รวมทั้งปัญหาในการนอน ผลพบว่า ทั้งยัง 2 กรุ๊ปมีลักษณะดีตั้งแต่เริ่มกระทั่งจบการทดสอบ แม้กระนั้นกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากฟ้าทะลายมิจฉาชีพเห็นผลได้อย่างแจ่มแจ้งในช่วงวันที่ 3-5 มากกว่ากลุ่มที่กินยาหลอก อย่างไรก็ตาม ยังพบผลกระทบน้อยในทั้งยัง 2 กลุ่ม จากการทดสอบก็เลยมั่นใจว่าฟ้าทะลายโจรบางทีอาจช่วยรักษาหรือทุเลาอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจตอนแรก
โทงเทง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Physalis angulata L. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Physalis minima ชื่อสามัญ : Hogweed, Ground Cherry ชื่อวงศ์ : SOLANACEAE สรรพคุณโทงเทง : ตำรายาไทย ผลรสเปรี้ยวเย็น แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ฝีในคอ แก้อักเสบในคอ แก้ร้อนในอยากดื่มน้ำ ตำพอกแก้ปวดบวม
ส่วนประโยชน์ที่สำคัญของโตงเตงที่ ใช้รักษาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ โดยแพทย์พื้นบ้านนั้นจะใช้ทั้งต้นตำให้แหลกละลายกับสุรา เอาสำลีชุบเอาน้ำยาใช้อมไว้ข้างแก้ม กลืนน้ำผ่านคอครั้งละนิด แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือที่เรียกว่าต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ฝีในคอ ใช้แก้อาการอักเสบในคอได้ดี หรือแพ้แอลกอฮอล์ก็ใช้ละลายกับน้ำส้มสายชูแทน ใช้ด้านในแก้ร้อนในอยากกินน้ำ ใช้ด้านนอกแก้ฟกบวมอักเสบทำให้เย็น และอีกตำรายาหนึ่งกล่าวว่าแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ให้ใช้ต้นนี้ใหม่ๆ(หรืออย่างแห้งก็ใช้ได้) 3 หัว แผ่น ฝักชุบน้ำตาล 2 แผ่น ใส่น้ำ 1 ถ้วย ต้มให้เหลือครึ่งถ้วย กินครั้งเดียวหมด เด็กก็กินลดลงตามส่วน จากการดูแลรักษาคนเจ็บร้อยกว่าราย บางคนกิน 4-10 ครั้งก็หาย บางบุคคลกินติดต่อกันถึง 2 เดือนก็เลยหาย
ปลาไหลเผือก ชื่อวิทยาศาสตร์ : EURYCOMA LONGIFOLIA Jack. วงศ์ : SIMAROUBACEAE คุณประโยชน์ทางยา : ราก ต้านทานโรคมะเร็ง รักษาโรคอัมพาต ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้ท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้อาการเจ็บคอ วิธีการใช้ตามตำราไทย : ต้านทานโรคมะเร็ง ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้อาการท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้อาการเจ็บคอ นำรากแห้งโดยประมาณ 8-15 กรัม เอามาต้มเอาน้ำกินก่อนที่จะรับประทานอาหารทุกรุ่งเช้าและเย็น (2 เวลา)
เอกสารอ้างอิง- พรพิมล พฤกษ์ประเสริฐ.(2550). การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน. ใน ประยงค์ เวชวนิชสนอง และวนพร อนันตเสรี. กุมารเวชศาสตร์ทั่วไป (หน้า214-216).หน่วยผลิตตำราคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ทอนซิลอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่324.คอลัมน์สารานุภาพทันโรค.เมษายน.2549
- ศ.พญ.นวลอนงค์ วิศิษฎสุนทร.คออักเสบและตอ่มทอนซิลอกัเสบปัญหาของหนูน้อย.ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
- ทอนซิลอักเสบ-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม. http://www.disthai.com/
- หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)”. (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ). หน้า 410-413.
- วิทยา บุญวรพัฒน์.”โทงเทง” หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.หน้า284.
- ฟ้าทะลายโจร.ฐานข้อมูลเครื่องยา.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
- โทงเทง สมุนไพรหยุดการอักเสบในลำคอ.ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร.สถาบันวิจัยสมุนไพร.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.