รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: ขิง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณอันน่าทึ่ง  (อ่าน 52 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

yi0s5xdf404

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด

Permalink: ขิง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณอันน่าทึ่ง

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ภายนอกเหง้าเป็นน้ำตาลปนเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักเอามาประกอบอาหารเนื่องจากส่งกลิ่นหอม ยิ่งกว่านั้น ขิงยังใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ แล้วก็เครื่องสำอางทั้งหลายเช่นเดียวกัน ด้านประโยชน์ต่อร่างกาย มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างนาน ยกตัวอย่างเช่น โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานเกี่ยวกับการย่อยอาหารอย่างท้องเสีย มีแก๊สในกระเพาะ อาหารไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อ้วก เบื่ออาหาร
คุณลักษณะของขิงเชื่อว่ามีสารที่อาจช่วยลดอาการอ้วกและลดการอักเสบ โดยนักวิจัยส่วนใหญ่คาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะและไส้ รวมทั้งสารนี้บางทีอาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการคลื่นไส้ด้วย แต่การสันนิษฐานดังที่กล่าวถึงมาแล้วยังไม่กระจ่างนัก แล้วก็คุณลักษณะด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งคุณประโยช์จากขิงต่อสุขภาพที่เราเชื่อกันนั้น เดี๋ยวนี้ทางด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลแจกแจงไว้ดังต่อไปนี้
การรักษาที่บางทีอาจได้ผล
อาการอาเจียนอาเจียนที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ยาต้านทานไวรัสไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง สรรพคุณบรรเทาอาการอ้วกคลื่นไส้ของขิงอาจมีประโยชน์ต่อคนป่วยโรคนี้ที่อยากได้รับผลกระทบจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการเรียนรู้คนป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งกินขิง 500 กรัม อีกกลุ่มกินยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนจะได้รับยารักษาโรคโรคภูมิคุมกันบกพร่องอย่างยาต้านทานรีโทรเชื้อไวรัส ตรงเวลาทั้งหมด 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอาเจียนคลื่นไส้ที่เกิดจากการรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้
อาการอาเจียนอ้วกภายหลังจากการผ่าตัด ขิงบางทีอาจช่วยทุเลาอาการอ้วกและก็คลื่นไส้จากการผ่าตัดได้อย่างเดียวกัน โดยการศึกษาเล่าเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ชี้ว่าการรับประทานขิง 1-1.5 กรัม ในตอน 1 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอาเจียนอ้วกที่อาจเกิดขึ้นในระหว่าง 1 วันข้างหลังได้รับการผ่าตัด
งานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยหนึ่งทดลองแบ่งคนไข้ปริมาณ 122 ผู้ที่รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม และก็อีกกรุ๊ปได้รับแคปซูลขิง 500 มิลลิกรัมแต่ว่าแบ่งให้ 2 คราวก่อนผ่าตัด ซึ่งผลลัพธ์พบว่าคนไข้ในกลุ่มหลังมีลักษณะอ้วกอาเจียนน้อยครั้งและก็มีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยการค้นคว้าวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นน่าจะให้สมรรถนะสูงสุดเมื่อกินเสมอๆแล้วก็เป็นประจำโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกจากนี้ การทดสอบทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของผู้เจ็บป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยคุ้มครองอาการคลื่นไส้ในคนเจ็บประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งหมดทั้งปวง แต่การใช้ขิงช่วยลดอาการอาเจียนอ้วกร่วมกับยาลดคลื่นไส้คลื่นไส้นั้นอาจให้ผลได้ไม่ดีนัก และการใช้ขิงกับผู้เจ็บป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการคลื่นไส้อ้วกน้อยอยู่และก็อาจไม่ได้ผลเช่นกัน
อาการแพ้ท้อง การกินขิงอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง ดังเช่น อาเจียน อ้วก หรือเวียนหัว ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันคุณสมบัตินี้เป็นการทดสอบในหญิงที่มีอายุท้องต่ำลงมากยิ่งกว่า 20 อาทิตย์ ปริมาณ 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องแต่ละวันนานอย่างต่ำ 1 สัปดาห์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้จะเปลี่ยนการทานอาหารแล้วก็ตาม หลังจากรับประทานสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเสมอกันกับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลได้ชี้ให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถประยุกต์ใช้คุณประโยชน์ในฐานะการดูแลและรักษาหนทางต่ออาการแพ้ท้องได้
ถือว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาเรียนรู้ก่อนหน้าที่ชี้ว่าการกินขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการอาเจียนอาเจียนในหญิงตั้งครรภ์ที่มีลักษณะแพ้ท้องได้ อย่างไรก็แล้วแต่การใช้ขิงสำหรับคุณประโยชน์ด้านนี้อาจมองเห็นการดูแลรักษาได้ช้ากว่าหรือได้ผลดีไม่เทียบเท่าการใช้ยาแก้คลื่นไส้คลื่นไส้ ยิ่งไปกว่านี้ การเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อกำหนดแล้วก็พบผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดสอบที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจมิได้มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกัน
อาการเวียนหัวหัว อาการที่เกิดขึ้นพร้อมกับการอาเจียนนี้บางทีอาจทุเลาให้ดีขึ้นได้ด้วยการใช้คุณประโยชน์จากขิง จากงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ทดลองด้วยการให้ผู้ที่มีลักษณะอาการบ้านหมุน รวมทั้งตากระเหม็นตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิกินผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอก แต่ว่าไม่ได้ช่วยลดระยะเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนรู้บางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีสรรพคุณลดลักษณะการเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้คนไข้รับประทานสารสกัดจากขิงชนิดหนึ่ง (Zintona EC) ในจำนวน 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดอาการปวดข้อหัวเข่าภายหลังจากการดูแลและรักษาตรงเวลา 3 เดือน ส่วนอีกการค้นคว้าวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์ในการช่วยลดลักษณะของการเจ็บขณะยืน ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเดิน รวมทั้งอาการข้อติด
นอกนั้น มีการเรียนเปรียบเทียบคุณภาพระหว่างขิงและยาแก้ปวด โดยให้ผู้เจ็บป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกสะโพกรวมทั้งข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มิลลิกรัมทุกๆวัน วันละ 2 ครั้ง ขิงได้ผลบรรเทาอาการปวดได้เสมอกันกับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง รวมทั้งยังมีงานค้นคว้าที่แนะนำว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงแล้วก็ส้มบางทีอาจช่วยทุเลาลักษณะของการปวดแล้วก็เหน็ดเหนื่อยที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บเข่าได้ด้วย
ลักษณะของการปวดรอบเดือน เว้นแต่ลักษณะของการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเรียนรู้บางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดระดู อาทิเช่น การทดลองในนักศึกษามหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งในตอน 2 วันก่อนเริ่มมีระดูต่อเนื่องไปจนถึง 3 วันแรกของการมีเมนส์ รวมเบ็ดเสร็จเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความร้ายแรงของลักษณะของการปวดเมนส์ได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการศึกษาเล่าเรียนเปรียบความสามารถของขิงและยาลดลักษณะของการปวดรอบเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มกินแคปซูลขิงหรือยาแต่ละประเภทในปริมาณ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีเมนส์ คำตอบปรากฏไปในทำนองเดียวกันกับงานค้นคว้าแรก คือ ขิงมีประสิทธิภาพทุเลาความรุนแรงของอาการปวดประจำเดือนไม่มีความแตกต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การรักษาที่อาจไม่เป็นผล
อาการเมารถแล้วก็เมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการเอ๋ยถึงกันมากมาย แต่ขิงบางทีอาจจะช่วยลดอาการวิงเวียนได้ แต่ว่าสำหรับเพื่อการหน้ามืดคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยส่วนมากบอกว่าขิงอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง ดังเช่นว่า การแบ่งกรุ๊ปให้เด็กนักเรียนนายเรือ 80 คนที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางสมุทรที่มีคลื่นแรง กินเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่รับประทานขิงนั้นมีอาการอ้วกแล้วก็วิงเวียนลดน้อยลงจริงแม้กระนั้นอยู่ในระดับนิดหน่อยแค่นั้น หรือในอีกงานศึกษาวิจัยที่ชี้ว่าการกินผงขิงในจำนวน 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มก. ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการป้องกันอาการเมารถหรือหลักการทำงานของกระเพาะที่เกี่ยวข้องกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่ประการใด
การดูแลรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานพอเพียงต่อการเจาะจงความสามารถ
อาการอาเจียนคลื่นไส้จากกระบวนการทำเคมีบำบัดรักษา อีกหนึ่งสรรพคุณคือลดอาการคลื่นไส้และอ้วก ซึ่งมีการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่หลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนป่วยที่รับเคมีบำบัดรักษานั้นยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้ใช่หรือไม่ การเรียนรู้หนึ่งที่ชี้ถึงประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้เจ็บป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่ประกอบด้วยขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบำบัดนานต่อเนื่องเป็นเวลา 6 วัน พบว่า หรูหราความรุนแรงของอาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการรักษาน้อยกว่ากรุ๊ปที่มิได้รับประทานแคปซูลขิง แต่ว่าเห็นผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเท่านั้น ส่วนกรุ๊ปที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับได้ผลน้อยกว่า แสดงว่าการรับประทานขิงในปริมาณมากจึงบางทีอาจไม่ได้ทำให้อาการอ้วกดีขึ้นอย่างที่น่าจะเป็น
อย่างไรก็แล้วแต่ มีหลักฐานที่คัดค้านข้อส่งเสริมดังที่กล่าวถึงแล้วซึ่งเป็นการค้นคว้าวิจัยที่เผยว่าการกินขิงไม่ได้มีประสิทธิภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อ้วก ดังนี้ ผลการศึกษาที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีปัจจัยมาจากปริมาณขิงที่ใช้ทดลองนั้นแตกต่างกัน รวมถึงช่วงเวลาที่เริ่มรักษาโดยใช้ ขิงจะนำมาใช้ผลดีทางด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลไหมคงจะต้องมีการพิสูจน์เสริมเติมต่อไป
เบาหวาน คุณลักษณะของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนไข้เบาหวานในปัจจุบันยังมีผลการศึกษาวิจัยที่ไม่แน่นอน งานค้นคว้าวิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 สัปดาห์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 และบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางชนิดจากเบาหวานได้ ในขณะเดียวกัน มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยอื่นๆที่เสนอแนะว่าขิงนั้นส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง กลับไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยบอกว่าขิงส่งผลกับอินซูลิน กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ซึ่งผลการศึกษาที่ไม่เหมือนกันนั้นอาจมาจากปริมาณขิงหรือระยะเวลาที่คนไข้ได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นโรคโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
ของกินไม่ย่อย มีการศึกษาค้นคว้าเล่าเรียนความสามารถของขิงในผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการอาหารไม่ย่อยจำนวน 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่มีขิง 1.2 กรัมภายหลังจากการงดเว้นอาหาร 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยอาหารและมีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่ทว่าการกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ แต่ ผู้ร่วมการทดลองนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่บางทีอาจระบุได้อย่างแจ่มแจ้งว่าขิงช่วยลดอาการของกินไม่ย่อยได้แน่ๆแค่ไหน
อาการแฮงค์ เชื่อกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการแฮงค์ซึ่งได้ผลสำเร็จข้างๆจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับผลดีข้อนี้มีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยเมื่อก่อนที่แนะนำว่าการผสมขิงกับเปลือกภายในของส้มเขียวหวาน รวมทั้งน้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในวันหลัง รวมถึงอาการอาเจียน อ้วกรวมทั้งท้องร่วง แต่ การเล่าเรียนดังที่ได้กล่าวมาแล้วยังถือว่าคลุมเครืออยู่มากและไม่อาจยืนยันได้ว่ามีเหตุที่เกิดจากขิงจริงๆหรือส่วนประกอบอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณสมบัติของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดลองโดยให้คนป่วยที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม ผลระบุว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกรุ๊ปที่กินยาหลอก ขิงมีคุณภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีจนถึงสามารถประยุกต์ใช้รักษาคนเจ็บภาวะนี้ได้หรือเปล่าคงจำต้องรอคอยการเรียนรู้ในอนาคตที่แจ่มกระจ่างกันถัดไป
ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อหลังบริหารร่างกาย คุณสมบัติด้านการบรรเทาปวดรวมทั้งลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยหรือไม่นั้นยังคงไม่กระจ่างและเป็นที่โต้แย้งกันอยู่เช่นเดียวกัน จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมกินขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างสม่ำเสมอนาน 124 ชั่วโมง พบว่าทั้งยังขิงสดและก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดลักษณะของการเจ็บกล้ามจากการออกกำลังกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
แต่ว่าอีกงานค้นคว้าหนึ่งกลับเจอผลสรุปในทางตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ทำกิจกรรมบริหารร่างกายยืดหดกล้ามเนื้อแบบเดียวกัน รับประทานขิง 2 กรัมในตอน 1 วันและ 48 ชั่วโมงภายหลังการบริหารร่างกาย พบว่ามิได้นำมาซึ่งการทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อ การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากการออกกำลังกายลดลง แม้กระนั้นผู้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยพบว่าการกินขิงอาจช่วยทำให้อาการเจ็บกล้ามเบาๆดีขึ้นในแต่ละวัน แม้อาจมองไม่เห็นผลได้โดยทันที
ลักษณะของการปวดศีรษะไมเกรน มีการเรียนกับคนเจ็บ 100 คน ที่เคยมีอาการปวดหัวไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี