รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรบุกมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์  (อ่าน 57 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ydoois25sd4t

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด

Permalink: สมุนไพรบุกมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์

บุก (Amorphophallus spp.) มีชื่อสามัญว่า Konjac (คอนจัค)12 ในไทยจะใช้บุกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson หรือที่พวกเราเรียกว่า “บุกคางคก” ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับบุกจำพวกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch แต่ว่าต่างพันธุ์กัน ซึ่งมีคุณลักษณะรวมทั้งคุณประโยชน์ทางยาที่ใกล้เคียงกัน รวมทั้งสามารถประยุกต์ใช้แทนกันได้
บุก
บุก ชื่อสามัญ Devil’s tongue, Shade palm, Umbrella arum
บุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus konjac K.Koch (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus rivieri Durand ex Carrière) จัดอยู่ในตระกูลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุก มีชื่อเรียกอื่นว่า แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว (จีนแต้จิ๋ว), หมอยื่อ (จีนกลาง) เป็นต้น
ต้นบุก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่แก่หลาย ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราว 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างกลมแบนน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 25 เซนติเมตร ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและกิ่งมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปนเปอยู่
หัวบุก
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวราว 15-20 ซม.
ใบบุก
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกเดี่ยว รูปแบบของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราวๆ 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
ดอกและผลบุก
บุกคางคก
บุกคางคก ชื่อสามัญ Stanley’s water-tub, Elephant yam
บุกคางคก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus campanulatus Decne.) จัดอยู่ในตระกูลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุกคางคก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า บุกหลวง บุกหนาม เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน), บักกะเดื่อ (จ.สกลนคร), กระบุก (บุรีรัมย์), บุกคางคก บุกระอุงคก (จังหวัดชลบุรี), หัวบุก (ปัตตานี), มันซูรัน (ภาคกึ่งกลาง), บุก (ทั่วๆไป), กระแท่ง บุกรอ หัววุ้น (ไทย), บุกอีรอคอยกเขา ฯลฯ
ต้นบุกคางคก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกประเภทกะแท่งหรือเท้ายายม่อมหัว แก่ได้นานหลายปี มีความสูงของต้นโดยประมาณ 5 ฟุต มีลักษณะของลำต้นอวบแล้วก็อวบน้ำไม่มีแก่น ผิวขรุขระ ลำต้นกลมและก็มีลายเขียวๆแดงๆลักษณะที่คล้ายกับคนเป็นโรคผิวหนัง ต้นบุกนั้นเพาะพันธุ์ด้วยวิธีการแยกหน่อ พรรณไม้ชนิดนี้จะเติบโตในช่วงฤดูฝน แล้วก็จะร่วงโรยไปในตอนต้นหน้าหนาว ในประเทศไทยพบได้บ่อยขึ้นเองตามป่าราบชายทะเลและก็ที่อำเภอศรีราชา ส่วนในเมืองนอกบุกคางคกนั้นเป็นพืชพื้นบ้านในเอเซียอาคเนย์ พบได้ตั้งแต่ศรีลังกาไปจนถึงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
ต้นบุกคางคก
หัวบุกคางคก คือส่วนของหัวที่อยู่ใต้ดิน มีลักษณะออกจะกลมและก็มีขนาดใหญ่สีน้ำตาล ผิวตะปุ่มตะป่ำ เส้นผ่านศูนย์กลางของหัวบุกนั้นจะมีขนาดตั้งแต่ 15 ซม.ขึ้นไป เนื้อในหัวเป็นสีเหลืองอมชมพู สีชมพูสด สีขาวขุ่น สีครีม สีเหลืองอ่อน สีเหลืองอมขาวละเอียดแล้วก็เป็นเมือกลื่น มียาง โดยเฉพาะหัวสด ถ้าเกิดสัมผัสเข้าจะทำให้กำเนิดอาการคันได้ ก่อนเอามาปรุงเป็นของกินนั้นก็เลยจะต้องทำให้เป็นมูกโดยการต้มในน้ำเดือดเสียก่อน โดยน้ำหนักของหัวนั้นมีตั้งแต่ 1 กรัม ไปจนถึง 35 กิโล
บุกคางคก
ใบบุกคางคก ใบเป็นใบผู้เดียว ออกที่ปลายยอดของต้น ใบแผ่ขยายออกคล้ายกางร่มแล้วหยักเว้าเข้าพบเส้นกึ่งกลางใบ ส่วนขอบใบจะเว้าลึก ก้านใบกลม อวบน้ำและก็ยาวได้ประมาณ 150-180 เซนติเมตร
ใบบุกคางคก
ดอกบุกคางคก มีดอกเป็นช่อ ดอกแทงขึ้นมาจากพื้นดินรอบๆของโคนต้น เป็นแท่งมีลายสีเขียวหรือสีแดงปนสีน้ำตาล (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) ดอกออกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ก้านช่อดอกสั้น มีใบตกแต่งเป็นรูปหุ้มห่อช่อดอก ขอบหยักเป็นคลื่นและก็บานออก ปลายช่อดอกเป็นรูปกรวยคว่ำขนาดใหญ่ ยับเป็นร่องลึก สีแดงอมน้ำตาลหรือสีม่วงเข้ม ดอกเพศผู้อยู่ตอนบน ส่วนดอกเพศเมียอยู่ตอนล่าง ดอกมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์เน่า
ดอกบุกคางคุก
ผลบุกคางคก ผลเป็นผลสด เนื้อนุ่ม รูปแบบของผลเป็นทรงรียาว ขนาดยาวราว 1.2 ซม. ผลมีเป็นจำนวนมากติดกันเป็นช่อๆ(สิบถึงร้อยร้อยผลต่อหนึ่งช่อดอก)ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนสีเหลือง สีส้ม จนกระทั่งสีแดง ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 1-3 เมล็ด โดยมีสันขั้วเมล็ดของแม้กระนั้นเม็ดแยกออกจากกัน เม็ดมีลักษณะกลมรีหรือเป็นรูปไข่
สรรพคุณของบุก
หัวบุกมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน เป็นพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และระบบทางเดินอาหาร มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต (หัว)
ใช้เป็นอาหารสำหรับคนไข้โรคเบาหวานแล้วก็ผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง ด้วยการแยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วชงกับน้ำ โดยให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว นำมาชงกับน้ำดื่มก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ
หัวใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็ง (หัว)
ใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่น (หัว)
ช่วยแก้อาการไอ (หัว)
หัวใช้เป็นยากัดเสลด ละลายเสลด ช่วยกระจายเสมหะที่อุดตันรอบๆหลอดลม (หัว)
หัวบุกมีรสเบื่อคัน ใช้เป็นยากัดเสลดเถาดาน และก็เลือดจับกันเป็นก้อน (หัว)
หัวเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคท้องมาน (หัว)
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
ช่วยแก้ประจำเดือนไม่มาของสตรี (หัว)6 ช่วยขับรอบเดือนของสตรี (ราก)
หัวนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคตับ (หัว)
ใช้แก้พิษงู (หัว)
ใช้เป็นยาแก้แผลไฟลุกน้ำร้อนลวก (หัว)
หัวใช้หุงเป็นน้ำมัน ใช้ใส่รอยแผล กัดฝ้ารวมทั้งกัดหนองได้ดิบได้ดี (หัว)1,2,3,4 บางข้อมูลกล่าวว่ารากใช้เป็นยาพอกฝีได้ (ราก)
ใช้แก้ฝีหนองบวมอักเสบ (หัว)6
หัวใช้เป็นยาพาราบวม แก้ฟกช้ำดำเขียว (หัว)
บุก เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณยิ่งกว่าไวอากร้า หรือเป็นยาเพิ่มความสามารถทางเพศ โดยคุณนิล ปักษา (บ้านหนองพลวง ต.โคกกึ่งกลาง อ.ลำปลายทอง จ.จังหวัดบุรีรัมย์) ชี้แนะให้ลองพิสูจน์ ด้วยการเอาไม้พาดปากหม้อแล้วนำสมุนไพรบุกคางคก เอาพวงเมล็ดนำมาย่างไฟให้หอมก่อน แล้วก็ใช้ผูกกับไม้แขวนจุ่มลงไปในหม้อต้มใส่น้ำพอเพียงท่วมเมล็ดบุก ต้มจนถึงเม็ดบุกหล่นลงหม้อ ตัวยาก็จะไหลลงมาด้วย เมื่อเดือดรวมทั้งให้เติมน้ำตาลทรายแดงพอประมาณลงไปต้มให้พอเพียงหวาน ต่อจากนั้นทดลองลองมอง หากยังมีลักษณะคันคออยู่ก็ให้เพิ่มเติมน้ำตาลเพิ่มแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยชิมใหม่ ถ้าหากไม่มีอาการคันคอก็แสลงว่าใช้ได้ และให้นำสมุนไพรโด่ไม่รู้จักล้มใส่เข้าไปด้วยราวๆ 1 กำมือ แล้วต้มให้เดือด ปล่อยให้เย็นและเก็บเอาไว้ภายในตู้เย็น ใช้ดื่ม 1 เป็ก โดยประมาณ 30 นาที จะปวดท้องฉี่โดยธรรมชาติ หลังจากอาวุธนั้นจะพร้อมสู้ทันที (ผล)
หมายเหตุ : สำหรับวิธีการใช้ให้แยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วเอามาชงกับน้ำกิน ส่วนขนาดที่ใช้นั้นให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว ชงกับน้ำก่อนกินอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ2 ส่วนการใช้ตาม 6 ให้ใช้ทีละ 10-15 กรัม (รู้เรื่องว่าคือส่วนของหัว) เอามาต้มกับน้ำนาน 2 ชั่วโมง จึงสามารถเอามากินได้ ถ้าเกิดเป็นยาสดให้ใช้ตำพอกหรือนำมาฝนกับน้ำส้มสายชู หรือต้มเอาน้ำใช้ล้างรอบๆที่เป็นแผล
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) ไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ทำให้มีการเกิดอาการคัน ส่วนเหง้าและก็ก้านใบหากปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะก่อให้ลิ้นพองและก็คันปากได้8ก่อนนำมารับประทานต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด6
วิธีการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอเพียงแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นทีแรก แล้วค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมกันเป็นก้อน จึงสามารถใช้ก้อนดังที่ได้กล่าวมาแล้วสำหรับในการปรุงอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้6ถ้าหากอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วและก็ตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบหมอ
เหตุเพราะวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก (ไม่ต่ำกว่า 20 เท่าของเนื้อวุ้นแห้ง) จึงไม่สมควรบริโภควุ้นบกตอนหลังการกิน แต่ว่าให้รับประทานก่อนอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตมาจากวุ้น ยกตัวอย่างเช่น วุ้นก้อนรวมทั้งเส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมของกินหรือหลังอาหารได้ เพราะเหตุว่าวุ้นดังที่กล่าวถึงแล้วได้ผ่านขั้นตอนการและก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว รวมทั้งการการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เพราะว่าไม่มีการเสื่อมสภาพเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุ หรือสารอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกายเลยกลูโคแมนแนนมีผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันต่ำลง (ยกตัวอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี แล้วก็วิตามินเค) ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แม้กระนั้นจะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ (เช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี)
การกินผงวุ้นบุกในจำนวนมาก อาจจะก่อให้มีอาการท้องเดินหรือท้องขึ้น มีลักษณะอาการกระหายน้ำมากกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการอ่อนแรงเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของบุก
สารที่พบ ยกตัวอย่างเช่น สาร Glucomannan, Konjacmannan, D-mannose, Takadiastase, แป้ง, โปรตีนบุก, วิตามินบี, วิตามินซี และก็ยังพบสารที่เป็นพิษ คือ Coniine, Cyanophoric glycoside ก้านบุกพบสาร Uniine และก็วิตามินบีที่ก้านช่อดอก6 และก็หัวบุกยังมีโปรตีนอยู่จำนวนร้อยละ 5-6 รวมทั้งมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงจำนวนร้อยละ 672หัวบุกมีสารสำคัญเป็นกลูวัวแมนแนน (Glucomannan) เป็นสารชนิดคาร์โบไฮเดรต ซึ่งประกอบด้วยกลูโคส แมนโนส แล้วก็ฟรุคโตส สารกลูวัวแมนแนนสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะเหตุว่ามีความเหนียว ช่วยยับยั้งการดูดซึมของเดกซ์โทรสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมากมายก็ยิ่งมีผลการดูดซึมกลูโคส ด้วยเหตุดังกล่าว กลูวัวแมนแนน ซึ่งเหนียวกว่า gua gum ก็เลยสามารถลดน้ำตาลได้ดีกว่า ก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานและสำหรับผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงสารกลูวัวแมนแนน (Glucomannan) จะมีจำนวนต่างกันออกไปตามชนิดของบุก5
แป้งจากหัวบุกนั้นประกอบไปด้วยกลูโคนแมนแนนประมาณ 90% รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมอื่นๆดังเช่นว่า alkaloid, starch, สารประกอบไนโตเจนต่างๆsulfates, chloride, และสารพิษอื่น โมเลกุลของกลูวัวแมนแนนนั้นสำคัญๆแล้วจะประกอบไปด้วยน้ำตาลสองชนิดหมายถึงกลูโคส 2 ส่วน แล้วก็แมนโนส 3 ส่วน โดยประมาณ เชื่อมต่อกันระหว่างคาร์บอนตำแหน่งที่ 1 ของน้ำตาลประเภทที่สอง กับคาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของน้ำตาลจำพวกแรกแบบ ?-1, 4-glucosidic linkage ซึ่งแตกต่างจากแป้งที่พบในพืชทั่วๆไป ก็เลยไม่ถูกย่อยโดยกรดแล้วก็น้ำย่อยในกระเพาะ เพื่อน้ำตาลที่ให้พลังงานได้8 นอกเหนือจากกลูโคแมนแนนจะเจอได้ในบุกแล้ว ยังเจอได้ในว่านหางจระเข้อีกด้วย9
กลูวัวแมนแนน (Glucomannan) สามารถดูดน้ำแล้วก็พองตัวได้มากถึง 200 เท่า ของจำนวนเดิม เมื่อเรารับประทานกลูวัวแมนแนนก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงครั้งละ 1 กรัม กลูโคแมนแนนจะดูดน้ำที่มีมากมายในกระเพาะของพวกเรา แล้วมีการพองตัวกระทั่งทำให้เรารู้สึกอิ่มอาหารได้เร็วแล้วก็อิ่มได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เรากินได้น้อยลงกว่าปกติด้วย ทั้งยังกลูโคแมนแนนจากบุกก็มีพลังงานต่ำมากมาย กลูวัวแมนแนนจึงช่วยสำหรับในการควบคุมน้ำหนักแล้วก็เป็นอาหารของคนที่อยากได้ลดความอ้วนได้อย่างดีเยี่ยม8
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่รับประทานทีละ 15 กรัม ต่อ 1 กิโล ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ พบว่าระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูต่ำลงคิดเป็น 44% แล้วก็ Triglyceride ต่ำลงคิดเป็น 9.5%6
สาร Glucomannan มีฤทธิ์ดูดซึมน้ำในกระเพาะแล้วก็ลำไส้เจริญมากมาย แล้วก็ยังสามารถไปกระตุ้นน้ำย่อยในไส้ให้เยอะขึ้น ทำให้มีการขับของที่ค้างในลำไส้ได้เร็วขึ้น6สารสกัดแอลกอฮอล์จากหัวบุก สามารถยับยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อวัณโรคในหลอดแก้วได้5
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่ที่มีลักษณะบวมที่ขากินครั้งละ 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม พบว่าอาการบวมที่ขาของหนูน้อยลง6
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากบุกคนประเทศไทยพวกเรานิ http://www.disthai.com/



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี