รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 206 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

01adxz45

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด

Permalink: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างล้นหลาม โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่เป็นผลสดเยอะที่สุดแล้วก็ยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความสวยงาม ทั้งยังยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแล้วก็สารพฤกษเคมีหลายอย่างที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกาย ก็เลยเชื่อว่าอาจมีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการคุ้มครองปกป้องโรคหรือบรรเทาอาการ อย่างเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือบรรเทาอาการหายใจลำบากจากโรคนี้ โรคหัวใจแล้วก็เส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในช่องปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และอื่นๆ
ในปัจจุบันยังมีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่เล่าเรียนการใช้ทับทิมในรูปแบบต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ออกจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถที่จะระบุประสิทธิภาพของทับทิมต่อการรักษาโรคได้แจ่มกระจ่าง ซึ่งแบบอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ดังเช่นว่า สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงสำหรับในการกำเนิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการศึกษาฤทธิ์การต่อต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในผู้ที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (มีกรดมึงลลิค 610 มิลลิกรัม) แล้วก็ประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์สำหรับในการต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนที่จะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังกล่าวข้างต้นน้อยลง ก็เลยคาดว่าการกินทับทิมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจแล้วก็เส้นเลือด
นอกจากนี้ ยังมีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยอีกชิ้นให้ผู้เจ็บป่วยโรคหลอดเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน กินอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปแล้วก็ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่กินอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่น้อยลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น ก็เลยชี้ให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงควรมีการเรียนเพิ่มเติมอีกในระยะยาวกับกลุ่มการทดสอบขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถสรุปผลของทับทิมและการรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมคือผลไม้อีกจำพวกที่มีคุณลักษณะช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เนื่องจากการรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีความสามารถเพียงพอสำหรับในการทุเลาอาการจากโรคมากซักเท่าไหร่และก็ลดความเสี่ยงด้านของสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดสอบทางคลินิกกับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองสมรรถนะของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้แนวทางรักษาที่แตกต่าง ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยวิธีการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะดีขึ้นด้านใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับเพื่อการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยบางทีอาจนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับคนไข้โรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลและรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่ศึกษาคุณภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกต้นแบบเจลสำหรับการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพช่องปากดีขึ้นและปัญหาโรคเหงือกอักเสบน้อยลงมากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาค้นคว้าวิจัยในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลโพรงปาก ยกตัวอย่างเช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองและก็ทุเลาลักษณะของโรคเหงือกอักเสบ
ป้องกันการเกิดคราบจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับการลดคราบจุลชีวันตามผิวฟัน และก็บางทีอาจนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคทางโพรงปากอีกหลากหลายประเภท ซึ่งจากการทดสอบให้อาสาสมัครที่มีสุขลักษณะในช่องปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แม้กระนั้นสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) และก็ยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบเปื้อนจุลชีวันลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แต่มีประสิทธิภาพไม่ได้ต่างอะไรจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน จึงเพียงพอจะพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดช่องทางสำหรับการกำเนิดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ข้างในช่องปาก
ขณะเดียวกัน การศึกษาอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมน่าจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดคราบจุลินทรีย์ ซึ่งสำหรับในการทดลองได้เก็บคราบเปื้อนจุลินทรีย์จากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงแล้วก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดแตกต่างกันในแต่ละกรุ๊ป ตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน และก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับเพื่อการลดคราบเปื้อนจุลชีวันลงมากที่สุดโดยประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% แล้วก็ยาหลอกที่ต่ำลงเพียงแต่ 11% ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกสำหรับในการใช้กำจัดคราบจุลชีพบนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงจะต้องมีการต่อว่าดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมโดยตลอด เนื่องจากว่าระยะเวลาในการทดลองค่อนข้างจะสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างดีเยี่ยม จากการเล่าเรียนผลการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนเจ็บเบาหวานจำพวกที่ 2 แล้วก็มีสภาวะไขมันในเลือดสูงจำนวน 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลของกินที่กินอาหารภายใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าผู้เจ็บป่วยมีระดับไขมันรวม ไขมันประเภทไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แต่ว่าไม่พบความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์แล้วก็ระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในผู้ป่วยโรคเบาหวานลง แม้กระนั้นยังบอกไม่ได้กระจ่างแจ้ง เนื่องด้วยอาหารจำพวกอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดไขมันในเลือดได้ด้วยเหมือนกัน รวมทั้งกลุ่มการทดลองมีขนาดเล็ก จำเป็นต้องขยายผลการเรียนในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเสริมเติม นอกจากนี้ การดูแลรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงต้องมีการควบคุมอาหารรวมทั้งการออกกำลังกายไปพร้อมกัน ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอลที่พบมากในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องทดลองบอกว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับในการทุเลาลักษณะของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและก็อาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จึงมีการเรียนรู้ประสิทธิภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มเติม โดยให้คนป่วยโรคปอดอุดกันเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่กินน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่กินยาหลอกต่อเนื่องกันทุกๆวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลทั้งในเลือดแล้วก็เยี่ยวของคนเจ็บ ทั้งยังยังไม่เจอความต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม ก็เลยคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับในการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยปกติสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและก็ตรวจเจอได้ในเลือดหรือเยี่ยว แม้กระนั้นผลการศึกษาวิจัยกลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจมีต้นเหตุที่เกิดจากการย่อยสลายสารเหล่านี้โดยจุลอินทรีย์ในระบบการทำงานเกี่ยวกับการย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจขั้นตอนการดูดซึมสารอาหารที่ต่างกันก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ด้านของสุขภาพจากการรับประทาน เพราะว่าสารอาหารที่พบในของกินที่กินอาจไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ภายในร่างกายมนุษย์เราทั้งปวง
โรคแล้วก็อาการอื่นๆดังเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนยานความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามหลังการออกกำลังกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเดิน โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังจะต้องทำการศึกษาเรียนรู้ศึกษาค้นคว้าเสริมเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับความสามารถและความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (คร่าวๆ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มิลลิกรัม
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยในการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเกิดผลข้างๆจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย การรับประทานรากแล้วก็ลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะปลอดภัยในการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะก่อให้กำเนิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย ได้แก่ อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ว่ายังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยในการกินหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น ได้แก่ สารสกัดจากทับทิม จำเป็นจะต้องขอคำแนะนำหมอก่อนจะมีการกินทุกคราว
น้ำทับทิมอาจจะเป็นผลให้ความดันเลือดลดลดลงบางส่วน ซึ่งอาจก่อให้คนเจ็บที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการกำเริบ
คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
คนป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ เพราะเหตุว่าทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง ก็เลยอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมควบคู่กับยาบางชนิดอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ได้แก่ ยาที่เกี่ยวโยงกับรูปแบบการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ประเภท P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดระดับความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน คนที่รับประทานยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอคำแนะนำแพทย์ก่อนการรับประทานเพื่อความปลอดภัย



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี