รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 46 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

uoid01s5x8c7

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด

Permalink: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างล้นหลาม โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสำเร็จสดมากที่สุดรวมทั้งยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆอาทิเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ทั้งยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีหลายอย่างที่มีสาระต่อร่างกาย ก็เลยเชื่อว่าอาจเป็นประโยชน์สำหรับในการปกป้องโรคหรือทุเลาอาการ ยกตัวอย่างเช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือบรรเทาอาการหายใจไม่สะดวกจากโรคนี้ โรคหัวใจและเส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในโพรงปากและโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และอื่นๆ
ในปัจจุบันยังมีงานค้นคว้าวิจัยที่เรียนรู้การใช้ทับทิมในรูปแบบไม่เหมือนกันกับการดูแลและรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถที่จะเจาะจงคุณภาพของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้แจ่มกระจ่าง ซึ่งตัวอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ตัวอย่างเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต้านทานอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต ก็เลยอาจช่วยลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต้านทานสารอนุมูลอิสระของทับทิมในผู้ที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (ประกอบด้วยกรดเอ็งลลิค 610 มก.) และวัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับในการต้านทานสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนที่จะมีการทดลอง พบว่าค่าดังที่กล่าวถึงแล้วน้อยลง ก็เลยคาดว่าการกินทับทิมอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกนั้น ยังมีงานศึกษาเรียนรู้อีกชิ้นให้คนไข้โรคหลอดเลือดแดงแข็งจำนวน 15 คน กินอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากยิ่งกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่มิได้กินอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่ต่ำลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น ก็เลยทำให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยในการลดการเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงควรมีการเรียนรู้เพิ่มอีกในระยะยาวกับกลุ่มการทดสอบขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมรวมทั้งการดูแลและรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างเห็นได้ชัด
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมคือผลไม้อีกชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับการรักษาโรคเหงือก เนื่องจากการรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีประสิทธิภาพพอเพียงในการบรรเทาอาการจากโรคมากมายเท่าที่ควรรวมทั้งลดการเสี่ยงด้านสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดสอบทางคลินิกกับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อดูประสิทธิภาพของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้วิธีรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกรรมวิธีการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการดีขึ้นภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือสำหรับในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงบางทีอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลและรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เรียนความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกแบบเจลสำหรับการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพโพรงปากดีขึ้นรวมทั้งปัญหาโรคเหงือกอักเสบน้อยลงมากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลโพรงปาก ดังเช่นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองและก็ทุเลาลักษณะโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองปกป้องการเกิดคราบจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพสำหรับการลดรอยเปื้อนจุลชีพตามผิวฟัน แล้วก็อาจก่อให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลายแบบ ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขลักษณะในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แต่ว่าสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) และยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลชีวันต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แต่ว่ามีประสิทธิภาพไม่ได้แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน ก็เลยเพียงพอจะกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดช่องทางสำหรับในการกำเนิดคราบจุลินทรีย์ข้างในโพรงปาก
ช่วงเวลาเดียวกัน การเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ ซึ่งในการทดลองได้เก็บคราบจุลชีพจากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีร่างกายแข็งแรงและกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี จำนวน 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเปรียบผลก่อนและก็หลังการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดต่างกันในแต่ละกลุ่ม ได้แก่ น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน แล้วก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพในการลดคราบจุลินทรีย์ลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% แล้วก็ยาหลอกที่น้อยลงเพียงแค่ 11% ก็เลยอาจพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเป็นตัวเลือกในการใช้กำจัดคราบจุลชีพบนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง เพราะเหตุว่าช่วงเวลาสำหรับการทดลองค่อนข้างสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างดีเยี่ยม จากการเรียนรู้ผลการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนไข้เบาหวานจำพวกที่ 2 และมีสภาวะไขมันในเลือดสูงจำนวน 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลของกินที่ทานอาหารข้างใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมถึงอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าผู้ป่วยมีระดับไขมันรวม ไขมันจำพวกไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี และก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดต่ำลง แม้กระนั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนไข้เบาหวานลง แม้กระนั้นยังบอกไม่ได้แจ่มแจ้ง เนื่องจากของกินจำพวกอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้เช่นเดียวกัน และก็กลุ่มการทดสอบมีขนาดเล็ก ควรต้องขยายผลการศึกษาในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติม นอกนั้น การดูแลรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงจะต้องมีการควบคุมอาหารและการบริหารร่างกายไปพร้อมกัน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดเยอะขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารโพลีฟีนอลที่พบได้บ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่พบในห้องแลปบอกว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับในการบรรเทาอาการของโรคปอดอุดกันเรื้อรังแล้วก็บางทีอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จึงมีการศึกษาเล่าเรียนสมรรถนะของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่ม โดยให้ผู้เจ็บป่วยโรคปอดอุดกันเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกต่อเนื่องกันทุกๆวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลทั้งยังในเลือดและก็ฉี่ของผู้ป่วย ทั้งยังไม่พบความไม่เหมือนอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กรุ๊ป ก็เลยคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับในการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและตรวจเจอได้ในเลือดหรือเยี่ยว แต่ผลการศึกษากลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการย่อยสลายสารเหล่านี้โดยจุลินทรีย์ในระบบที่ทำการย่อยอาหาร จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกระบวนการดูดซับสารอาหารที่แตกต่างก่อนจะอ้างถึงถึงคุณประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการกิน เพราะสารอาหารที่เจอในอาหารที่กินอาจมิได้ถูกใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ในร่างกายคนเราทั้งสิ้น
โรครวมทั้งอาการอื่นๆดังเช่นว่า โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการบริหารร่างกาย กรุ๊ปอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การติดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง รวมทั้งอื่นๆยังจะต้องศึกษาค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับความสามารถรวมทั้งความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (คร่าวๆ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มก.
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มิลลิกรัม
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลข้างๆจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การกินรากแล้วก็ลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างปลอดภัยสำหรับในการรับประทานหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แม้กระนั้นอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแพ้นิดหน่อยในบางราย ตัวอย่างเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในต้นแบบอื่น ดังเช่นว่า สารสกัดจากทับทิม จะต้องปรึกษาหมอก่อนที่จะมีการกินทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจจะส่งผลให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงเล็กน้อย ซึ่งอาจส่งผลให้คนป่วยที่มีภาวะความดันต่ำอาการไม่ดีขึ้น
ผู้ที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดกินทับทิมอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ ด้วยเหตุว่าทับทิมนำมาซึ่งการทำให้ความดันโลหิตต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางจำพวกอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อาทิเช่น ยาที่เกี่ยวโยงกับหลักการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ประเภท P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตว่ากล่าวน ผู้ที่กินยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรหารือแพทย์ก่อนการรับประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี