ชื่อตระกูล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAEชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine treeชื่อพื้นเมืองอื่น : คูน (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกึ่งกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์,
ราชพฤกษ์ (ภาคกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี)
จำพวกนี้แบบเรียนหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแต่ระดับจำพวกย่อย คือ Cassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชจำพวกนี้เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ถึงกับขนาดกึ่งกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดขึ้นมาจากกิ่งแก่ที่หลุดร่วงไป แต่ว่าเมื่อต้นอายุมากขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่ตะปุ่มตะป่ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ เซนติเมตร ศูนย์กลางใบยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ ซม. ยาว ๒-๕ ซม. ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมาก ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่รวมทั้งแข็ง ไม่แตกกิ่ง ยาว ๕-๑๖ ซม. เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว กลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยกลายเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ เซนติเมตร
ราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มิลลิเมตรกลีบดอกรูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๒๕-๓๕มม. โคนกลีบเป็นก้านยาวราว ๓ มิลลิเมตร เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ขนาดยาวไม่เท่ากัน รังไข่เรียว ขนหุ้มบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ ซม. ยาว ๒๐-๖๐ ซม. ห้อยลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ หมดจด ไม่มีขน ไม่แตก มีเมล็ดหลายชิ้น รวมทั้งรูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลวาว
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ต้นไม้ (T) สูงโดยประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ เกลี้ยง สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขน ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยราว 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อแขวนระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ ออกดอกแบบสมมาตรข้างๆ มีกลีบดอกไม้ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกไม้ข้างบนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมหวนอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ แล้วก็มีเปลือกแข็ง ข้างในมีผนังแบนสีน้ำตาล กั้นเป็นห้องและมีเมล็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เมล็ด มีเนื้อหุ้มนิ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนรวมทั้งแบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยาขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วๆไป มีมากทางภาคเหนือ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับแล้วก็ปลูกข้างถนนเพื่อความงาม
การปลูกและแพร่พันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากและเจริญวัยได้ในดินแทบทุกประเภท แม้กระนั้นจะถูกใจดินร่วนซุยปนทราย เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเม็ดและก็ตอนกิ่ง
ผลดีทางยารสรวมทั้งสรรพคุณในตำราเรียนยา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาลักษณะของการมีไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคโรคกุฏฐัง แก้กลากเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักศีรษะ
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้มาลาเรียแล้วก็ระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้มาลาเรียและก็เป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องเดิน แล้วก็ช่วยเร่งคลอด
[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url]เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยเร่งคลอด รักษาอาการท้องเดิน
กระพี้ รสเมา ใช้แก้โรครำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเอียน ใช้รับประทานเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ขัดหรือชำระน้ำดี แก้ลมเข้าข้อรวมทั้งขัดข้อ
เปลือกฝัก รสฝาดเมา ทำให้แท้งลูก ขับรกที่ค้าง รวมทั้งทำให้อ้วก
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งปวง ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำแก้โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เอ็นทุพพลภาพ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคกลากโรคเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะ เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในไส้ ระบายท้อง
เม็ด ช่วยกระตุ้นให้อาเจียน เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ วิธีรวมทั้งปริมาณที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยเอาเนื้อในฝักแก่หนักราว 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนนอนหรือตอนเช้าก่อนกินอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะสำหรับท้องผูกบ่อยๆ รวมทั้งสตรีตั้งท้องก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยใช้ฝักโดยประมาณ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดแล้วก็เหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง
http://www.disthai.com/