กระเทียมลักษณะทางด้านกายภาพและก็เคมีที่ดี: ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w ปริมาณขี้เถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w จำนวนขี้เถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% และจำนวนสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำ ราว 0.52, 0.50 และ 15% w/w เป็นลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษเจาะจงจำนวนสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
คุณประโยชน์: ตำรายาไทยใช้หัว
กระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด บำรุงธาตุ กระจายเลือด ขับปัสสาวะ แก้บวมพุพอง ขับพยาธิ แก้ตาปลา แก้ตาแดง ร้องไห้ ตาฟาง รักษาโรคลักปิดลักเปิด รักษาโรคมะเร็งคุด รักษาริดสีดวง แก้ไอ คุมกำเนิด แก้สะอึก บรรเทาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นโรครำมะนาด แก้หูอื้อ แก้อัมพาต ลมเข้าข้อ แก้อาการชักของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ ขับโลหิตระดู บำรุงเส้นประสาท แก้ไข้ แก้ฟกช้ำ แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก แก้ไข้เพื่อเสมหะ ทำให้ผมเงาสวย บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษาขี้กลากเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง ทาด้านนอกบรรเทาอาการปวดบวมตามข้อเพราะเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเดิน), ยาประสะไพล (ขับน้ำคาวปลา ในสตรีหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องร่วง ใช้กระเทียม 3 กลีบ ทุบชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เจาะจงการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณทุเลาลักษณะของการปวดตามเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณรักษารอบเดือนมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อชูว่าปกติ ทุเลาลักษณะของการปวดเมนส์ และขับน้ำคาวปลาในหญิงข้างหลังคลอดลูก
แบบอย่างรวมทั้งขนาดการใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มิลลิกรัมต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มก.หรือสาร allicin 2-5 มิลลิกรัม
ขนาดและก็วิธีใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้
กระเทียม 5-10 กลีบ ตรอกละเอียด รับประทานหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมของกิน
ขนาดแล้วก็วิธีใช้สำหรับรักษากลากโรคเกลื้อน:
ฝานกระเทียมถูเป็นประจำบริเวณที่เป็น หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น วันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะทายาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70% หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดบริเวณที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อตัวยาซึมลงไปได้ดีขึ้น เมื่อหายแล้วให้ทายาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดรวมทั้งวิธีการใช้สำหรับแก้ไอ: ตำรายาไทยให้ใช้กระเทียม และก็ขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสลด ทำให้เสมหะแห้ง ตำรายาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเพิ่มเกลือใช้จิดหรือปัดกวาดคอ
ส่วนประกอบทางเคมี: น้ำมันหอมระเหย ราว 0.1-0.4% มีองค์ประกอบหลักคือ allicin ajoene alliin allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกรุ๊ปกลุ่ม organosulfur สารในกลุ่มนี้ที่พบในกระเทียมได้แก่ สารกลุ่ม S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% แล้วก็ cycloalliin 0.1% และสารที่ไม่ระเหยคือ สารกลุ่ม gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% แล้วก็ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมราวๆ 82% ของสารกลุ่ม organosulpur ทั้งหมดทั้งปวง ส่วนสารกลุ่ม thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene รวมทั้ง Z-ajoene) สารกรุ๊ป vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) แล้วก็สารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้เจอในธรรมชาติแต่ว่ามีสาเหตุมาจากการย่อยสลายของสาร allin ซึ่งถูกสลายตัวด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alliinase จากนั้นจึงเกิดการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร ย่อยสลายได้สารกรุ๊ป sulfides อื่นๆด้วยเหตุนั้นกระเทียมที่ผ่านขั้นตอนการสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบจำนวนมากที่เจอเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide และก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านกระบวนการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบจำนวนมากเป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และก็ Z-ajoene ปริมาณของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด ราวๆ 0.25-1.15% สารกลุ่มอื่นๆที่เจอ ได้แก่ สารเมือก รวมทั้ง albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids รวมทั้ง flavonoids
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา: ฤทธิ์คุ้มครองตับจากพิษ การทดสอบป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จาก
กระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 รวมทั้ง 100 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกลุ่ม นานติดต่อกัน 5 วัน ก่อนเหนี่ยวนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งสองขนาดสามารถคุ้มครองตับเป็นพิษได้ การพิจารณาลักษณะทางจุลกายตอนศาสตร์พบว่าสามารถยับยั้งความย่ำแย่ของเซลล์ตับ โดยลดการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี aspartate transaminase (AST) และ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวเนื่องในกรรมวิธีอักเสบ แล้วก็การตายของเซลล์ตับ ได้แก่ Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha ยิ่งไปกว่านี้ยังมีผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน และก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวเนื่องในแนวทางการต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้นว่า catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการเล่าเรียนทำให้เห็นว่า สาร DADS จาก
กระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งคุ้มครองป้องกันตับจากสารพิษ โดยกลไกกระตุ้นหลักการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันเซลล์ แล้วก็เนื้อเยื่อจากอนุมูลออกซิเจนที่รวดเร็วต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 ส่งผลเหนี่ยวนำการผลิตโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่อต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็สร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในระบบการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II enzyme) และก็ยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการผลิตสารที่เกี่ยวเนื่องกับการอักเสบลง และก็ปกป้องตับจากพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ เรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) รวมทั้งสารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว เอามาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (ที่ทำให้เกิดการผลิตสารอักเสบ) แบบ non-competitive และก็ irreversible จากการเรียนรู้พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด และเส้นเลือดแดงในกระต่ายพอๆกับ 0.35, 1.10 แล้วก็ 0.90 mg ในระหว่างที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เพราะองค์ประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายในระหว่างที่ให้ความร้อน จากผลการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่ากระเทียมคงจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อการคุ้มครองโรคเส้นโลหิตตันได้ (Ali, 1995)
จากการรวบรวมงานศึกษาเรียนรู้วิจัย ที่ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังนี้คือ ต่อต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยับยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis มีผลให้การมารวมกลุ่มกันของสารที่ทำให้มีการเกิดการอักเสบน้อยลง, ยับยั้ง transendothelial migration of neutrophils ส่งผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ในแนวทางการอักเสบลง, ยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในขบวนการอักเสบ, กดการสร้างอนุมูลไนโตรเจนที่รวดเร็วต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ รวมทั้งการทำงานผ่าน ERK1/2 ทั้ง 2 กลไก ตัวอย่างเช่น การหยุดยั้ง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) และก็การเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) มีผลทำให้การอักเสบลดน้อยลง (Martins, et al, 2016)
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย การทดลองความสามารถสำหรับการต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล อะซิโตน รวมทั้งการสกัดสดโดยแนวทางบังคับแบบเย็น โดยใช้วิธี microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC และก็ค่า MBC ต่ำที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) รวมทั้งรองลงมาคือ สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล แล้วก็อะซิโตน ให้ค่า MIC แล้วก็ MBC เท่ากัน (6.25กรัมต่อลิตร) หมายความว่าสารสกัดสดมีสมบัติสำหรับในการยับยั้ง และก็ทำลายเชื้อแบคทีเรียเหมาะสมที่สุด เนื่องมาจากในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านขั้นตอนการแปรรูป allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใน vacuole ของเซลล์ และก็อาศัยน้ำเป็นกลไกในการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความสามารถสำหรับการยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งวิธีการสกัดสดช่วยทำให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin และก็ allinase ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุว่าจะต้องใช้เวลาในการบีบเค้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วช่วยทำให้กระบวนการทำปฏิกิริยาระหว่างสารเยอะขึ้น อาจส่งผลให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรงาม และก็รังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ เมื่อนำสารสกัด
กระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล ตรงเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง เอามาทดลองการต้านทานการเกิดปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันของไลโปโปรตีนจำพวกความหนาแน่นต่ำ หรือต้านทานการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการเกิดภาวะเส้นโลหิตแดงแข็งตัว) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดสอบในภาวการณ์ที่มีหรือเปล่ามี AGE โดยใช้ CuSO4 แล้วก็ 5-lipoxygenase รั้งนำให้กำเนิด oxidized LDL รวมทั้งทดสอบสารสกัดของ AGE ผลของการทดลองพบว่า AGE มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยลดการผลิต superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกสิเจน) และลดการเกิด lipid peroxide (ขบวนการออกซิเดชันของไขมัน) โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยับยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ได้ผล 34% ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และก็ 5-lipoxygenase ได้ 81% รวมทั้ง 37% เป็นลำดับ สรุปได้ว่า AGE มีผลยับยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการผลิต superoxide รวมทั้งยั้งการเกิด lipid peroxide ด้วยเหตุนี้ AGE จึงอาจมีหน้าที่สำหรับเพื่อการป้องกันการเกิดสภาวะเส้นโลหิตแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
การศึกษาฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล อะซิโตน แล้วก็การสกัดสดโดยแนวทางบังคับแบบเย็น ทดลองโดยกรรมวิธียั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกซิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัด
กระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 น้อยที่สุด เท่ากับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา ดังเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล และการสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 และ 55.36±3.96 mg/ml เป็นลำดับ ผลของการต่อต้านสารออกซิไดซ์ที่ร้ายแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีทรัพย์สมบัติการต้านออกสิไดส์ของสาร H
http://www.disthai.com/Tags : สมุนไพรกระเทียม