รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์  (อ่าน 71 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

yulyul

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 8
    • ดูรายละเอียด

Permalink: สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์

สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาข้อคำ (จังหวัดลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาปล้องดำ พญาปล้องทอง (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) ฯลฯ
ลักษณะของเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้แกมเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้โดยประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะหมดจด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นบ้องสีเขียว เพาะพันธุ์ด้วยแนวทางปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เจริญวัยได้ดิบได้ดีในดินทุกชนิด ชอบดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์ในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในประเทศไทยพบบ่อยขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร แล้วก็ยาวโดยประมาณ 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราว 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวโดยประมาณ 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากข้างล่างรวมทั้งปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงราวตุลาคมถึงเดือนมกราคม (แต่มักจะไม่ค่อยมีดอก)
ดอกเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทองคำ
ลิ้นงูเห่า
ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลเป็นผลแห้งและแตกได้ (แต่ว่าผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราว 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ข้างในผลมีเม็ดประมาณ 4 เมล็ด
หมายเหตุ : เสลดพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 จำพวก คือ เสมหะพังพอนเพศผู้ แล้วก็เสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะต่างกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงเต็กหลายๆตำราจึงนิยมเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาปล้องทองคำ” โดยเสมหะพังพอนตัวผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วก็หนังสือเรียนยาไทยนิยมนำมาใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากและเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงกำลัง (รากและเปลือกต้น)
ทั้งยังต้นและใบใช้รับประทานเป็นยาถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งยังต้นรวมทั้งใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบสด 1 กำมือ ตำอย่างรอบคอบ ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะผู้ป่วยราวๆ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้และลักษณะของการปวดหัวจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มกินทีละราว 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวราวๆ 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราว 10-15 ใบ ตำอย่างถี่ถ้วนผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็ลักษณะการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ทั้งต้นและก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับเมนส์ (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เมนส์มาไม่ปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคดีซ่าน (อีกทั้งต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 3-4 ใบ เอามาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงเปียก ใช้พอกราว 2-3 รอบ จะช่วยให้อาการดียิ่งขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 5 ใบ นำมาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างรอบคอบผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟเผาหรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนก้าวหน้า4 ส่วนอีกตำราเรียนบอกว่า นอกจากจะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่ยเนื่องมาจากถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และแผลที่เกิดขึ้นจากการถูกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการกางใบราวๆ 3-4 ใบ อาหารสาร 5-6 เม็ด เพิ่มน้ำลงไปให้เพียงพอเปียก แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว โดยให้แปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและก็เม็ดผดผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบนำมาโขลกผสมกับเกลือและสุรา ใช้พอกบริเวณที่เป็น แปลงยาทุกตอนเช้าและเย็น (ใบ)
อีกทั้งต้นแล้วก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ยกตัวอย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมทั้งผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราวๆ 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้เพียงพอแหลก แช่ในเหล้าขาวโดยประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ลมพิษ ตามข้อมูลบอกว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำนิดหน่อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดโดยประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นมัน ไม่อ่อนหรือแก่กระทั่งเกินความจำเป็น) แล้วเอามาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและก็เอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกวิธีให้จัดเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 โล เอามาปั่นอย่างระมัดระวัง เติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ปริมาตรต่ำลงครึ่งหนึ่ง (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) รวมทั้งเพิ่มเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก รวมทั้งใช้ถอนพิษต่างๆสำหรับตำรายาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเสมอกัน รวมกันตำให้พอแหลก แช่กับสุรา แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนไฟให้ร้อน แล้วนำมาคลึงเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับเหล้าทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับสุรา นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึก เหือด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกแล้วก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้อีกทั้งกินและก็ชโลมทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปนิดหน่อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ทั้งยังต้นใช้เป็นยาพาราบวม กลยุทธ์ขัดยอก บวมช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดเมื่อยเพราะเย็นชื้น (ต้น)
รากใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อยบั้นท้าย (ราก)
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำกิน หรือตำพอกแผลภายนอก
ข้อควรไตร่ตรองพญายอ
: แม้ในอดีตจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล แม้กระนั้นในปัจจุบันแนวทางแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล แล้วก็อาจส่งผลให้ติดเชื้อเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสลดพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides ได้แก่ 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียจำนวนร้อยละ 5 ใน Cold cream และสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่ว่าเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม มีคุณภาพต้านการอักเสบเจริญ
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำรวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล แล้วก็เอทิลอะซิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสเจริญและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในเวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ รวมทั้งจากรายงานการดูแลรักษาคนป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และก็ยาหลอก โดยให้คนป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้ต่างอะไรในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบและยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน และหายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งผิดแผกแตกต่างกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่นำไปสู่การอักเสบแล้วก็ระคายเคือง ในเวลาที่ acyclovir จะทำให้แสบ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสมหะพังพอนตัวเมียในผู้เจ็บป่วยโรคเริม งูสวัด รวมทั้งแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบเจริญ
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสประเภทที่ส่งผลให้เกิดเริมรวมทั้งอีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 สัปดาห์ จนกว่าแผลจะหาย พบว่าผู้เจ็บป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลตกสะเก็ดด้านใน 3 วัน และหายข้างใน 7-10 วัน จะมีเป็นจำนวนมากกว่ากลุ่มที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และระดับความเจ็บจะต่ำลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลข้างเคียงใดๆก็ตาม9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษนิดหน่อย แต่จะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกิโล (เท่ากันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโล) เมื่อนำมาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการเป็นพิษอะไรก็ตาม
จากการเรียนพิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และ 540 มิลลิกรัมต่อโล ให้หนูแรททุกวี่ทุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่ว่าพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในขณะน้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่ประสงค์แต่ว่าอ http://www.disthai.com/



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี