รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: ต้นตระกูล Huawei P Series  (อ่าน 98 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

asianoned

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3602
    • ดูรายละเอียด
ต้นตระกูล Huawei P Series
« เมื่อ: ธันวาคม 09, 2018, 05:30:49 PM »

Permalink: ต้นตระกูล Huawei P Series
ถ้าเอ่ยถึง Huawei สายสกุล P Series ตัวแรกที่นึกถึงเลย ก็น่าจะหลีกเลี่ยงไม่พ้น Huawei P9 เนื่องมาจากช่วงที่เปิดตัวรุ่นนี้ออกมาครั้นวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559 ถือได้ว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องด้วยความเป็นกล้องคู่ที่ได้รับการผสมผสานของเทคโนโลยีที่เข้าร่วมพัฒนากับ LEICA จึงเป็นเหตุให้ Huawei P9 ที่สามารถถ่ายรูปที่มีรายละเอียดสูงได้อย่างงดงาม และยังได้รับความชื่นชอบอยู่ในปัจจุบัน วันนี้กระผมจะพาไปย้อนรอยเรื่องกล้องถ่ายภาพของ Huawei P9 อีกครั้ง ไปดูกันครับ
 
 Huawei P9 มีกล้องถ่ายภาพส่วนหลัง 2 กล้องที่ทาง Huawei ได้ร่วมกันกับทาง LEICA ซึ่งเป็นบริษัทกล้องระดับตำนานมาร่วมมือดีไซน์กล้องถ่ายรูปให้กับทาง Huawei P9 โดยบริเวณกล้องถ่ายรูปข้างหลังจะมีข้อความกำกับไว้ว่า LEICA ซึ่งล่าง LEICA จะเขียนไว้ว่า Summarit H 1:2.2/27 APSH ซึ่ง Summarit เป็นการชี้ช่วงขนาดรูรับแสงของเลนส์ LEICA ส่วนเลขห้อยท้าย 1:2.2 คือเลนส์มีรูรับแสงขนาด 2.2 และเลข 27 คือทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 27mm ซึ่งนับว่าเป็นระยะที่ให้มุมกว้างที่กำลังดีเลยเชียว
 
 โดยกล้องถ่ายรูปตัวแรกของ Huawei P9 เป็นกล้องที่มีเซนเซอร์รับภาพสี (RGB) ในขณะที่กล้องตัวที่ 2 จะเป็นกล้องถ่ายรูปที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochrome) ซึ่งให้ภาพที่กระจ่างกว่า สามารถรับแสงได้มากกว่าปรกติ และการที่รับแสงได้มากกว่า นั่นหมายความว่าปริมาณ noise ที่น้อยกว่านั่นเอง จึงได้คุณภาพของไฟล์ภาพที่ดีกว่า แต่กล้องถ่ายรูปทั้งสองตัวก็มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดพิกเซล 1.25 ไมครอน, ไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone และระบบการโฟกัสภาพแบบ Hybrid Autofocus เช่นเดียวกันเลย อีกอย่างถึงแม้ว่าจะแบ่งแยกเป็นกล้องถ่ายรูป RGB กับ กล้อง Monochrome แต่ว่ากล้องทั้งสองตัวจะทำงานด้วยกันอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุให้ภาพที่ได้มีสีสัน และรายละเอียดในส่วนสีขาว-ดำกระจ่างมากกว่าการถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูปทั่วไป รวมทั้งสามารถปรับโฟกัสหลังจากทำการถ่ายรูปได้ด้วยเช่นเดียวกัน

 ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง 2.4 ซึ่งก็ยังจัดว่ายังทำออกมาได้ดีแม้จะมิใช่ LEICA แล้วก็ตาม และสามารถปรับระดับความฟรุ้งฟริ้งกิงก่องแก้ว หรือ Beauty Mode ได้ถึง 10 ระดับเลยทีเดียว ที่สำคัญคือกล้องหน้าของ Huawei P9 สามารถวัดแสงและชดเชยออกมาได้ค่อนข้างจะสว่าง ใบหน้าขาวใส ถ้าหากใครที่ชื่นชอบเซลฟี่ ก็ไม่ควรพลาด อีกทั้งยังสามารถถ่ายได้แม้ในที่แสงสว่างน้อย ก็ยังทำได้ดีอีกเช่นกัน เช่นท่านไปงานพิธียามค่ำคืน แต่ว่าอยากเซลฟี่ คุณก็สามารถถ่ายได้ทุกสถานที่ โดยไม่ต้องแลหาแสงจากที่ใด เพราะว่าจอของ Huawei P9 จะส่องสว่างทันทีที่ท่านลั่นชัตเตอร์ ซึ่งทำงานราวกับแฟลชข้างหน้าเลยทีเดียว
 
 และถ้าล้วงลึกไปทีละโหมดการใช้งาน ก็คงเริ่มที่โหมดอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโหมดที่ใช้งานง่ายที่สุด เพราะเพียงแค่ยก Huawei P9 ขึ้นมาแล้วกดชัตเตอร์แค่นั้น เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยอยากปรับอะไรมาก หรือผู้ที่ฝึกถ่ายรูป แต่อยากได้รูปถ่ายที่สวยงาม โหมดออโต้ก็สามารถตอบโจทย์ส่วนนี้ได้ดี ถัดมาเป็นโหมดโปร เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานการถ่ายภาพอยู่บ้าง ซึ่งคุณสามารถเลือก ISO / WB / Shutter Speed แต่ไม่สามารถปรับรูรับแสงได้ ซึ่งตัวเครื่องจะกำหนดพื้นฐานที่ 2.2 และในโหมดโปรสามารถเลือกบันทึกภาพเป็นแบบ raw file ได้ด้วย ถ้าหากว่าใครต้องการนำไปแก้ไขในโปรแกรมต่างๆ ต่อ แต่ก็มิได้มีฤทธิ์เดชในการแต่งเยอะมากมาย เพราะด้วยข้อจำกัดเรื่องขนาดเซนเซอร์นั่นเอง
 
 ถัดมาเป็นโหมดขาว-ดำ ในกล้อง Monochrome ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อดีเลยก็ว่าได้ เหตุเพราะเป็นยี่ห้อเริ่มแรกที่มีกล้องถ่ายภาพเพื่อถ่ายขาวดำโดยเฉพาะซึ่งจะสามารถเก็บรายละเอียดปลีกย่อยความต่างแสง (Dynamic range) ได้มากกว่าถ่ายแบบสี ซึ่งได้ภาพที่กระจ่าง สวยงามมาก เหมือนยังกะมาจาก LEICA ซะเองเลย และอีกโหมดที่น่าสนใจคือ โหมด Wide Aperture ซึ่งเป็นโหมดหน้าชัดหลังเบลอนั่นเองซึ่งในโหมดนี้เป็นการจำลองรูรับแสง ซึ่งสามารถปรับต่ำสุดได้ที่ F 0.95 และสูงสุดที่ F 16 ซึ่งอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนกล้องถ่ายรูปใหญ่อย่าง DSLR เพราะมีขนาด Sensor ที่เล็กกว่านั่นเอง แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาจนขี้ริ้วขี้เหร่
 
 และโหมดสุดท้ายที่ไม่แนะนำไม่ได้ นั่นคือ โหมดถ่ายกลางคืน หรือว่า Night mode นั่นเอง ซึ่งถ้าหากท่านมีขาตั้งอีกตัว ภาพที่ท่านจะได้นี่เท่าเทียมกล้องถ่ายรูปใหญ่ๆได้เลยนะ เพราะว่าถ้าไร้ขาตั้งกล้อง อาจจะเป็นเหตุให้ภาพสั่นไหวได้ และโหมดนี้คุณสามารถเลือก ISO ได้สูงสุดที่ 1600 และ Shutter Speed เลือกเปิดได้นานถึง 32 วินาทีเลยเทียว แต่หากไม่ต้องการเปลี่ยนอะไร ก็สามารถให้ระบบเลือกให้ออโต้ได้เลย
 
 นี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นของ Huawei P9 ซึ่งยังมีข้อดี สเปคการใช้งานต่างๆ ที่น่าสนใจอีกอื้อ แต่อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ว่า Huawei สายสกุล P Series นั้น มีจุดแข็งที่กล้องอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ และต้องการรูปถ่ายที่ค่อนข้างจะมีคุณภาพเสมอเหมือนกล้องถ่ายภาพใหญ่ๆ แถมสามารถพกพาได้อย่างราบรื่นมากกว่าพกกล้องจริงๆ เสียอีก ก็ขอแนะนำเครื่องนี้เลย ซึ่งเวลานี้ Huawei P9 ราคาได้ลดลง ซึ่งเริ่มต้นเพียง 7,300 บาทเท่านั้น ซึ่งแต่ละเว็บไซต์ หรือร้าน ราคาอาจแตกต่างกันออกไป ยังไงก็ลองสำรวจราคากันอีกครั้งนะขอรับ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : รีวิว Huawei P9

Tags : Huawei p9,Huawei p9 ราคา,รีวิว Huawei P9



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี

ต้นตระกูล Huawei P Series
« เมื่อ: ธันวาคม 09, 2018, 05:30:49 PM »
SEO