โด่ไม่รู้ล้มชื่อสมุนไพร โด่ไม่รู้ล้มชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น หญ้าไก่นกคุ้ม , หญ้าสามสิบสองหาบ , หญ้าไฟนกคุ้ม , หนาดผา (ภาคเหนือ) , ขี้ไฟนกคุ่ม (เลย) , หญ้าปราบ (ภาคใต้) , หนาดมีแคลน (สุราษฎร์ธานี) , เคยโป๊ , ตะชีโกวะ (กะเหรี่ยง) , ก้อมทะ (ลั๊วะ) , จ่อเก๋ (ม้ง)ชื่อวิทยาศาสตร์ Elephantopus scaber Linn. ชื่อสามัญ Prickly-Leaved Elephant’s Footวงศ์ ASTERACEAE ถิ่นกำเนิดโด่ไม่รู้ล้ม เป็นพืชที่ถูกเรียกชื่อตามลักษณะของลำต้นที่เมื่อถูกดูถูกหรือถูกทับก็จะแบนราบลงไปกับพื้นดิน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงแต่เดี๋ยวเดียว ลำต้นก็จะกลับมาตั้งโด่อย่างเดิมก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดชื่อ โด่ไม่รู้ล้ม ซึ่งพืชนี้ข้อมูลบ้านเกิดเมืองนอนที่แท้จริงยังกำกวมแต่จัดเป็นพืชในเขตร้อนที่พบได้ในประเทศเขตร้อนทั่วทั้งโลก รวมทั้งเมืองไทยด้วย ซึ่งในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ และพบได้มากตามป่าดงดิบ ป่าสนเขา ป่าเต็งรัง และก็ป่าโปร่งที่มีสภาพของดินเป็นดินร่วนซุยผสมทราย
ลักษณะทั่วไป โด่ไม่รู้ล้ม จัดเป็นพืชล้มลุก ลำต้นสั้น กลม ชี้ตรง สูง 10-30 เซนติเมตร ตามผิวลำต้น มีขนสีขาวตรงละเอียดห่าง สาก ใบเป็นใบลำพังอยู่บริเวณเหนือเหง้าชิดกันเป็นวงกลม เรียงสลับชิดกันอยู่เป็นกลุ่ม เหมือนกุหลาบซ้อนที่โคนต้น ลักษณะของใบเป็นรูปหอกหัวกลับ แผ่นใบกว้างราว 3-5 เซนติเมตรแล้วก็ยาวราวๆ 8-20 เซนติเมตร ขอบใบหยักหรือเป็นจักคล้ายฟันเลื่อยห่างๆมีเส้นกิ้งก้านของใบราวๆ 12-15 คู่ ส่วนของใบที่ค่อนไปทางปลายจะผายกว้าง แล้วสอบเป็นแหลมทู่ๆส่วนโคนใบจะสอบแคบจนถึงก้านใบ มีเนื้อใบครึ้มสาก ผิวใบจะมีขนสากเล็กๆขนตรงห่างมีสีขาว แล้วก็มีขนต่อมห่างอยู่ทั้งสองด้าน โดยท้องใบจะมีขนมากกว่าหลังใบ แผ่นใบมักแผ่ราบไปกับพื้นดิน ก้านใบยาวประมาณ 0.5-2 ซม. หรือไม่มีก้านใบ ดอกช่อแทงออกจากกลางต้น ช่อดอกรูปขอบขนาน มี 4 ดอกย่อย ยาว 8-10 มิลลิเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 มม. ดอกย่อยขนาดเล็กดอกรูปหลอดสีม่วง หลอดกลีบยาว 3-3.5 มม. หมดจด ปลายกลีบดอกไม้ยาว 1.5-2 มิลลิเมตร ไม่มีขน เกสรเพศผู้สีเหลือง มีอับเรณูยาว 2.2-2.3 มม. ปลายแหลม ฐานเป็นติ่งแหลม ก้านยกอับเรณูยาว 1.5-1.7 มม. เกสรเพศเมียมีก้านเกสรยาว 7-8 มิลลิเมตร ยอดเกสรยาว 0.5-0.6 มม. มีขนที่ปลายยอดรวมทั้งหมดที่รอยแยก แต่ละช่อย่อยมาอยู่รวมกันเป็นช่อกลุ่มกลมที่ปลายก้านดอก บริเวณโคนกลุ่มดอกมีใบตกแต่งแข็งรูปสามเหลี่ยม แนบอยู่ 3 ใบ ยาว 1-2 เซนติเมตร กว้าง 0.5-1.5 ซม. ขอบใบเรียบปลายเรียวแหลม ที่ผิวใบทั้งสองด้านมีขนตรงสีขาว ออกที่ปลายยอดแบบช่อแยกกิ่งก้านสาขา ก้านช่อดอกมีความยาวได้ถึง 8 เซนติเมตรรวมทั้งมีขนสาดๆอยู่ทั่วๆไป ส่วนฐานรองดอกจะแบนแล้วก็หมดจด มีเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 0.5-0.7 มม. วงใบตกแต่งเป็นรูปขอบขนาน มี 2 ชั้น สูงราว 7-10 มิลลิเมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 2-3 มิลลิเมตร ใบประดับประดาเหมือนรูปหอก ผิวภายนอกมีขนตรง ส่วนขอบใบมีขนชุดครุย ชั้นนอกเป็นรูปใบหอกยาวประมาณ 4-6 มิลลิเมตรแล้วก็กว้างประมาณ 0.5-1.5 มม. ปลายแหลม ส่วนชั้นที่ 2 เป็นรูปขอบขนานกว้างโดยประมาณ 1-2 มม.และยาวราว 8-10 มิลลิเมตร ปลายแหลม สีขาว เป็นเส้นตรงแข็ง มี 5 เส้น เรียง 1 ชั้น ยาวราวๆ 5-6 มม.ส่วนผลได้ผลแห้งและไม่แตก รูปแบบของผลเล็กและเรียว เป็นรูปกรวยแคบ ผิวภายนอกผลมีขนหนาแน่น ยาวประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตรรวมทั้งกว้างประมาณ 0.4-0.5 มม. ผลไม่มีสัน
การขยายพันธุ์ โด่ไม่รู้ล้มเป็นพืชล้มลุกที่ทนแล้งได้ดิบได้ดี สามารถเพาะพันธุ์ได้หลายแนวทาง อย่างเช่น การเพาะเม็ดหรือการแยกต้นแยกหัว ที่สามารถปลูกเอาไว้ในแปลงหรือปลูกใส่กระถางได้โดยการปลูกโด่ไม่รู้ล้มนั้นก็เหมือนกับการปลูกพืชปกติ คือ เตรียมหลุมแล้วก็รองตูดหลุมใส่ต้นประเภทลงไปกลบดินแล้วรดน้ำพอเพียงชุ่มแต่สภาพดินที่ปลูกต้องเป็นดินร่วมปนทราย และก็ควรจะปลูกที่โล่งแจ้ง เพราะว่าโด่ไม่รู|ไม่รู้เรื่อง|ไม่เคยรู้|ไม่เคยทราบ|ไม่ทราบ|ไม่รู้จัก}ล้มเป็นพืชที่ถูกใจแดดและก็ทนแล้งได้ดี
องค์ประกอบทางเคมี
ในส่วนต่างๆของโด่ไม่รู้ล้มเจอสารกลุ่ม elephantopins และก็ deoxyelephanpin Crepiside E, cynaropicrin deacyl; cyanaropicrin-3-β-D-glucopyranoside deacyl; dotriacontan-1-ol; elephantopin, 11-13-dihydro-deoxy; elephantopin, 11-13-dihydro; elephantopin deoxy; elephantopin, iso-deoxy; friedelanol, epi; friedelinol, epi; lupeol; stigmasterol; stigmasterol 3-O- β-D-glucoside; triacontan-1-ol; zaluzanin C, gluco; scabertopin
ประโยชน์/สรรพคุณ แบบเรียนยาไทย ทั้งต้น มีรสกร่อยฝาดให้เป็นยาขับเยี่ยว แก้ไข้ แก้ไข้จับสั่น ขับน้ำเหลืองเสีย แก้บิด แก้ท้องร่วง แก้ไอ แก้วัณโรค บำรุงหัวใจ ขับเหงื่อ ขับเมนส์ขับพยาธิตัวกลม แก้ปัสสาวะทุพพลภาพ บำรุงความกำหนัด แก้กระษัยขับไส้เดือน แก้กามโรค แก้บวมน้ำ แก้นิ่ว แก้ไข้หวัด แก้เจ็บคอ แก้ตาแดง แก้โรคดีซ่าน แก้เลือดกำเดาออกง่าย แก้ฝี แก้แผลมีหนอง แก้แผลงู แก้แมลงเป็นพิษกัดต่อย แก้อักเสบ แก้แผลในกระเพาะอาหาร แก้แผลยุ่ยในปาก แก้เหน็บชา ราก รสกร่อยฝาด ขับเยี่ยว แก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้หวัด แก้ไอเรื้อรังแก้ท้องเดิน แก้บิด ขับพยาธิ ขับรอบเดือน บีบมดลูก ต้มเอาน้ำอมแก้ปวดฟัน แก้ฝี แผลมีหนอง บวมอักเสบทั้งหลาย เป็นยาคุมสำหรับหญิงที่คลอดบุตรใหม่ เป็นยาบำรุง เป็นยาขับไส้เดือน รักษาโรคผู้ชาย ต้มดื่มแก้อาเจียน ใบ รสกร่อยขื่น รักษารอยแผล แก้โรคผิวหนัง แก้ไข้ ขับเยี่ยว แก้หมดแรง รักษากามโรค รักษาโรคชาย เป็นยาคุมกำเนิดสำหรับหญิงที่คลอดลูกใหม่ เป็นยาบำรุง เป็นยาขับไส้เดือน แก้ไอ นำไปสู่ความกำหนัด รากแล้วก็ใบ รสกร่อยขื่นขับเยี่ยว แก้ท้องเดิน แก้โรคแผลในกระเพาะอาหารแก้บิด แก้กามโรคในสตรี ไม่กำหนดส่วนที่ใช้ บำรุงกำลัง บำรุงกำลัง ตัดกษัย บำรุงกษัยไม่ให้กำเนิด แก้ปัสสาวะพิการ บำรุงความกำหนัด ขับปัสสาวะ แก้ไข้จับสั่น แก้ไอ แก้ไข้ ขับพยาธิไส้เดือน แก้กามโรค แก้โรคหลอดลมอักเสบ แก้ปวดบวม แก้ตับอักเสบ แก้บิด รักษาตัวบวม รักษาไตอักเสบ
ตำราเรียนยาพื้นเมือง ใช้ รากต้มน้ำ แก้ไอ บำรุงกำลัง บำรุงความสามารถทางเพศ ร้อนใน หิวน้ำ แก้ไข้ ราก ต้มน้ำดื่มหรือดองเหล้าดื่ม กับยากำลังเสือโคร่ง ม้ากระทืบโรงบำรุงร่างกายแก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ราก ลำต้น ใบ และผล ต้มน้ำกิน แก้โรคกระเพาะของกิน แก้ไอ
หนังสือเรียนหมอแผนจีน โด่ไม่รู้ล้มกล่าวไว้ว่า ” ทั้งยังต้น มีรสขมเผ็ด ฤทธิ์เย็น เข้าเส้นลมปราณ ปอด ตับและก็ม้าม สรรพคุณ แก้เจ็บคอ รักษาทอนซิลอักเสบ แก้บวมน้ำในร่างกาย โรคกำเดาห้ามเลือด นิ่วในทางเดินเยี่ยว ขับเยี่ยว ฝีข้างในและก็ภายนอก ใช้ภายนอกแก้โรคผิวหนัง แก้พิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย
ส่วนในทางแพทย์แผนปัจจุบัน กล่าวว่า โด่ไม่รู้ล้มบางทีอาจช่วยเรื่องบำรุงร่างกาย แก้อาการเมื่อยล้า ช่วยให้มีกำลัง และก็มีฤทธิ์สำหรับในการช่วยถอนพิษไข้แก้อาการตัวร้อน แก้ไอ แก้อาเจียน แก้ท้องร่วง โดยวิธีรับประทานที่ยอดเยี่ยมคือการนำมาต้นน้ำดื่ม และยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการกำเนิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยมีรายงานศึกษาเรียนรู้ว่าที่เอทานอลที่สกัดได้จากโด่ไม่รู้ล้มมีค่าความเข้มข้นที่สามารถช่วยลดการเสี่ยงสำหรับการกำเนิดมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกนั้นทางด้านการแพทย์ยังนำโด่ไม่รู้ล้มไปสกัดเพื่อรักษาอาการอักเสบจากการติดเชื่อประเภทต่างๆเช่นไส้อักเสบ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ และยั้งเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรีย ช่วยรักษาอาการที่เกี่ยวกับระบบปัสสาวะได้แก่ช่วยในการขับเยี่ยว แก้อาการขัดเบาซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของฟุตบาทฉี่อักเสบ ช่วยลดการเกิดนิ่ว รวมทั้งยังมีฤทธิ์ช่วยทำนุบำรุงกำหนัดเพิ่มอารมณ์ทางเพศอีกทั้งในสตรีและเพศชาย ช่วยฟื้นฟูแล้วก็บำรุงสมรรถภาพ ช่วยลดสภาวะอวัยวะสืบพันธุ์แข็งช้า อ่อนตัวเร็ว และก็หลั่งเร็วในผู้ชาย ทำให้โด่ไม่รู้ล้มก็เลยเป็น 1 ในสมุนไพรที่นิยมนำไปสกัดเป็นยาหรือสินค้าเสริมอาหารที่ให้คุณประโยชน์ในการเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ
รูปแบบ / ขนาดวิธีใช้
• แก้เลือดกำเดา ใช้ต้นสด 30-60 กรัม (หรือต้นแห้ง หนัก 10-15 กรัม) ต้มกับเนื้อหมูพอประมาณ กินติดต่อกันนาน 4-5 วัน
• แก้โรคดีซ่าน ใช้ต้นสด 120-240 กรัม ต้มกับเนื้อหมูพอประมาณ รับประทานติดต่อกันนาน 4-5 วัน
• แก้ท้องมาน ใช้ต้นสด 60 กรัม ต้มเอาน้ำ รุ่งเช้า-เย็น หรือตุ๋นกับเนื้อหมูรับประทาน
• แก้ขัดเบา ใช้ต้นสด15-30 กรัม ต้มเอาน้ำ
• แก้นิ่ว ใช้ต้นสด 90 กรัม ต้มกับเนื้อหมู 120 กรัม เพิ่มเติมน้ำใส่เกลือบางส่วน ต้มต้ม กรองเอาแต่น้ำ แบ่งไว้ดื่ม 4 ครั้ง
• แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้เจ็บคอ ใช้ต้นแห้ง 6 กรัม แช่น้ำร้อน 300 ซีซี(ราวขวดแม่โขง) นาน 30 นาที รินเอาน้ำกินหรือจะบดเป็นผงปั้นเม็ดไว้กินก็ได้
• แก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ใช้ต้นสด 30 กรัม ต้มเอาน้ำ
• แก้ฝีบวมหรือฝีเป็นหนอง ใช้ต้นสด ตำผสมเกลือบางส่วน ละลายน้ำส้มสายยกพอเพียงข้นๆพอก
• แก้ฝีฝักบัว ใช้ต้นสด 25 กรัม ใส่น้ำ 1 ขวด และก็เหล้า 1 ขวด ต้มดื่มและใช้ต้นสดต้มกับน้ำ เอาน้ำล้างหัวฝีที่แตก
รักษาโรคผิวหนังต่างๆแล้วก็ใช้ทาแผล โดยใช้ใบสด 2 กำมือ มาต้มกับน้ำมันที่สกัดจากมะพร้าวแล้วก็ใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้รากและก็ใบ (สดหรือแห้งก็ได้) 2 กำมือ ต้มดื่มแก้ท้องเดิน แก้กระเพาะเป็นแผล ช่วยขับฉี่ หรือใช้อาบในสตรีข้างหลังคลอด ส่วนรากใช้ตำผสมพริกไทย แก้ลักษณะของการปวดฟัน หรือใช้รากต้มกับน้ำแล้วใช้อบแก้ปวดฟันก็ได้ด้วยเหมือนกัน
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา สารสกัดต่างๆของโด่ไม่รู้ล้มมีฤทธิ์ลดไข้ ลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต และก็มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก ยั้งเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งเชื้อไวรัส ต้านทานความเป็นพิษต่อตับ ลดไข้ ลดการอักเสบ ลดระดับความดันเลือดรวมทั้งยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็กกระตุ้นมดลูก ยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี reverse transcriptase, glutamate-oxaloacetate-transaminase รวมทั้ง glutamate-pyruvate-transaminase มีการศึกษาเล่าเรียนผลของโด่ไม่รู้ล้มในหนูเพศผู้ต่อความกำหนัด ประสิทธิภาพน้ำเชื้อ ของลับเสริม ขนาดและกล้ามลึงค์ แล้วก็รูปทรงเพศลูก พบว่าสมุนไพรโด่ไม่รู้ล้ม มีฤทธิ์กระตุ้นกำหนัดและก็ทำให้ระดับ testosterone สูงมากขึ้นในหนูแรท แม้กระนั้นในขนาดสูงกลับทำให้ระดับ testosterone และก็เชื้อน้ำอสุจิลดน้อยลง เพิ่มการเกิด libido เปลี่ยนแปลงค่า osmolality และก็ปริมาณสเปิร์มของน้ำกาม ลดเปอร์เซ็นต์น้ำเชื้อเคลื่อนไหว เพิ่มน้ำหนักอวัยวะเพศเสริม และก็เพิ่มสัดส่วนเพศลูก (เพศภรรยา/เพศผู้)
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่าน้ำต้มโด่ไม่รู้ล้ม หรือสารสกัด 50% เอทานอลจากพืชทั้งต้น ไม่มีพิษ เมื่อให้หนูถีบจักรรับประทานแม้จะให้ในขนาดมากถึง 6.0 กรัม/กิโลกรัม และก็พบว่าขนาดของสารสกัดทั้งสองประเภทที่ทำให้หนูถีบจักรตายจำนวนร้อยละ 50 มีค่ามากกว่า 2 กรัม/กิโล เมื่อฉีดเข้าทางท้อง
สารสกัดรากรวมทั้งใบที่หมักกับสุราโรง 40 ดีกรี เมื่อนำมาป้อนตัวทดลองในขนาดความเข้มข้น 2,000 มก.ต่อกก. เพียงแต่ครั้งเดียว แล้วเก็บผลในวันที่ 14 ผลการทดลองพบว่าหนูไม่แสดงอาการเปลี่ยนไปจากปกติ ส่วนการทดสอบความเป็นพิษแบบระยะสั้น พบว่าไม่ได้ต่างอะไรอย่างมีนัยสําคัญของน้ำหนักตัว น้ำหนักตับ ไต ม้ามหัวใจ adrenal cortex รวมทั้งอัณฑะ รวมถึงระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี BUN creatinine AST และก็ ALT ของหนูทุกกรุ๊ป
ข้อเสนอ / ข้อควรพิจารณา 1. สตรีตั้งครรภ์ไม่ควรทานอาหารเสริมหรือยาแผนโบราณที่มีส่วนประกอบจากโด่ไม่รู้ล้ม
2. ผู้ที่มีลักษณะอาการฉี่มากไม่ปกติไม่สมควรใช้โด่ไม่รู้ล้มเพราะว่ามีคุณประโยชน์สำหรับในการขับฉี่ ซึ่งอาจส่งผลให้อาการร้ายแรงขึ้น
3. ผู้ที่มีสภาวะหยางพร่อง (กลัวหนาว , แขนขาเย็น , ไม่กระหายน้ำ , ถ่ายเหลว , ตัวซีด , ง่วงหงาวหาว นอน) ไม่สมควรใช้
โด่ไม่รู้ล้ม เอกสารอ้างอิง- ไพบูลย์ แพงเงิน.สมุนไพรรู้ใช้ไกลโรค (สมุนไพรคู่บ้าน 2).กรุงเทพฯ:มติชน.2556.272 หน้า.
- ผศ.ดร.วีณา นุกูลการ. โด่ไม่รู้ล้ม.สมุนไพรกับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.https://www.disthai.com/
- โด่ไม่รู้ล้ม.ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีโด่ไม่รู้ล้ม.กลุ่มยาแก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ.สรรพคุณสมุนไพร.โครงการอนุรักษ์พันธุ์กรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
- โด่ไม่รู้ล้ม.สารานุกรมสมุนไพร เล่ม 1 สมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ104.ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.