รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: พลู ประโยชน์เเละสรรพคุณ  (อ่าน 71 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Tawatchai1212

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 39
    • ดูรายละเอียด
พลู ประโยชน์เเละสรรพคุณ
« เมื่อ: ธันวาคม 25, 2018, 08:34:53 PM »

Permalink: พลู ประโยชน์เเละสรรพคุณ

พลู
ชื่อสมุนไพร พลู
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น พลูเหลือง, พลูทอง, พลูจีน (ทั่วไป), เปล้าอ้วน, ซีเก๊ะ , ซีเก๊าะ (ภาคใต้),กื่อเจี่ย (จีนแต้จิ๋ว), จวีเจียง (จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Piper betle Linn.
ชื่อสามัญ  Bettle Piper , Bettle leaf vine
วงศ์  PIPERACEAE
ถิ่นกำเนิด
พลู มีถิ่นเกิดในเขตร้อนชื้นในแถบทวีปเอเชียใต้ยกตัวอย่างเช่นประเทศอินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ อื่นๆอีกมากมาย (แต่ว่าอีกตำราเรียนหนึ่งบอกว่าพลูมีต้นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเซีย) โดยพบว่าพลูมีมากยิ่งกว่า 100 สายพันธุ์ทั้งโลกซึ่งโดยมากมักพบในประเทศอินเดียกว่า 40 สายพันธุ์ ส่วนในประเทศไทยพลูพบได้บ่อยในทั่วทุกภาครวมทั้งมีแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญในประเทศเป็น ในจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี นครนายก นครปฐม กรุงเทพฯ มหาสารคาม ขอนแก่น แล้วก็จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมักจะเป็นการปลูกเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น และก็ปลูกเพื่อการค้า และก็ส่งออกต่างประเทศในบางส่วน
ลักษณะทั่วไป
พลูเป็นพืชวงศ์เดียวกับพริกไทย (PIPERACEAE) จัดเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งลำต้นสะอาดเป็นปล้อง แล้วก็มีข้อ ขนาดลำต้น 2.5-5 ซม. ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ รวมทั้งมีร่องเล็กๆสีน้ำตาลอมแดงตามแนวยาวของลำต้น สันร่องมีสีเขียว โดยลำต้นส่วนปลายจะมีสีเขียว ส่วนลำต้นส่วนต้นจะมีสีเขียวอมเทา โดยมีรากยึดเกาะที่ออกตามขอของลำต้นครั้งคราวเรียกว่า รากตุ๊กแก แตกออกตามข้อของลำต้นเพื่อยึดเกาะวัสดุสำหรับช่วยประคองลำต้นเลื้อยขึ้นที่สูงได้ แล้วก็ทำให้ลำต้นไม่หลุดหล่นลงสู่พื้นได้ง่าย ใบเป็นใบเลี้ยงคนเดียว ออกสลับกัน รูปหัวใจหรือกลมปนรูปไข่กว้าง 8 – 12 ซม. ยาว 12 – 16 เซนติเมตร ปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม เนื้อใบค่อนข้างเป็นมันสด ใบอ่อนมีสีเหลืองอ่อน และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน และสีเขียวเข้ม เมื่อแก่เต็มกำลังจะมีสีเหลือง มีกลิ่นหอมยวนใจเฉพาะ รสเผ็ด เส้นใบนูนเด่นทางด้านล่าง ก้านใบยาว ดอกพลูมีสีขาว ออกรวมกันเป็นช่อ มีช่อดอกแบ่งเพศกันอยู่คนละต้น ประกอบด้วยช่อดอกตัวเมียแล้วก็ดอกเพศผู้ มีใบตกแต่งดอกขนาดเล็กรูปวงกลม ช่อดอกเพศผู้ยาว 2-12 ซม. ก้านช่อดอกยาว 1.5-3 เซนติเมตร ประกอบด้วยเกสรตัวผู้ 2 อัน มีขนาดสั้นมาก ส่วนช่อดอกตัวเมียมีความยาวเท่ากับช่อดอกตัวผู้ แต่มีก้านช่อดอกยาวกว่า ดอกมักบานไม่พร้อมกัน ก็เลยทำให้ไม่ค่อยพบเจอผลของพลู ด้วยเหตุว่ามีโอกาสผสมเกสรน้อย ผลของพลูมีลักษณะอัดแน่นที่เกิดจากดอกในช่อดอก ผลของพลูมีลักษณะออกจะนุ่ม ด้านในประกอบด้วย 1 เม็ด โดยเมล็ดมีลักษณะกลม ขนาดยาวประมาณ 2.25-2.6 มม. กว้างประมาณ 2 มม.
การขยายพันธุ์
พลูสามารถปลูก และก็แพร่พันธุ์ใหม่ด้วยการปักชำกิ่ง เหมือนกันกับพืชเครือญาติพริกไทยอื่นๆ โดยใช้กิ่งหรือลำต้นที่มีข้อราว 3-5 ข้อ ปักชำในแปลงปักชำหรือถุงปักชำเมื่อกิ่งปักชำติดแล้วค่อยย้ายลงปลูกในแปลงปลูก แล้วจึงทำค้างให้พลูเลื้อยพันขึ้น ซึ่งพลูจะสามารถเติบโตเจริญในสภาพของดินร่วนซุยที่มีสารอินทรีย์มากมาย มีความเป็นกรดน้อย (pH 6- 6.7) พื้นที่การระบายเจริญมีค่าความชื้นสโมสรราว 70-80%
ส่วนประกอบทางเคมี
ใบพลู มีน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีสาระสำคัญต่างๆอย่างเช่น chavicol, chavibetol, eugenol , estragole methlyeugnol และก็ hydroxycatechol สารกลุ่มโมโนเทอร์ปีนป่ายส์ เป็นต้นว่า 1,8-cineol, carvacrol, camphene, limonene สารกลุ่มเซสควีเทอร์ตะกายส์ อาทิเช่น cadinene, caryophyllene นอกเหนือจากนี้ยังมีสารอื่นๆอีก เช่น β-carotene, β-sitosterol, stigmasterol และในส่วนของต่างๆของพลูสดยังพบสาร Fluoride , tectrochrysin, adunctin A, yangonin, fargesin, pluviatilol, sesamin
ที่มา : wikipedia
นอกเหนือจากนี้เมื่อนำใบพลูสดมาวิเคราะห์คุณค่าทางของกินพบว่า มีองค์ประกอบต่างๆดังต่อไปนี้
คุณค่าทางโภชนาการในใบพลูสด (100 กรัม)
Water (น้ำ) 85 – 90%
Protein (โปรตีน) 3 – 3.5%
Fat (ไขมัน) 2.3 – 3.3%
Minerals (เกลือแร่) 0.4 – 1.0%
Fiber (ใยอาหาร) 2.3%
Chlorophyll (คลอโรฟีล) 0.01 – 0.25%
Carbohydrate (คารโปรไฮเดรต) 0.5 – 6.10%
Nicotinic acid (วิตามืน บี 3) 0.63 – 0.89 มิลลิกรัม/100 ก.
Vitamin C (วิตามิน ซี) 0.005 – 1.01%
Vitamin A (วิตามิน เอ) 1.9 – 2.9 มิลลิกรัม/100 กรัม
Thiamine (วิตามิน บี1) 10 – 70 มคกรัม/100 กรัม
Riboflavin (วิตามิน บี2) 1.9 – 30 มคกรัม/100 ก.
Tannin (แทนนิน) 0.1 – 1.3%
Nitrogen (ไนโตรเจน) 2.0 – 7.0%
Phosphorus (ธาตุฟอสฟอรัส) 0.05 – 0.6%
Potassium (โพแคสเซียม) 1.1 – 4.6%
Calcium (แคลเซียม) 0.2 – 0.5%
Iron (เหล็ก) 0.005 – 0.007%
Essential oil (น้ำมันหอมระเหย) 3.4 มดก./100 กรัม
Energy (พลังงาน) 44 กิโลแคลอรี่/100 กรัม
คุณประโยชน์/สรรพคุณ
ใบพลูกับชาวไทยถือว่ามีความผูกพันกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วโดยคนในสมัยก่อนเชื่อว่าใบพลูรับประทานกับหมาก และก็ปูนแดง จะช่วยทำให้เหงือกแล้วก็ฟันแข็งแรง ช่วยขจัดกลิ่นปาก แล้วก็ในแบบเรียนยาไทยที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ จะใช้ใบสดกินเป็นยาขับลม แก้เจ็บท้อง ฝาดสมาน ขับเสลด เป็นยากระตุ้นน้ำลาย ขับเหงื่อ แก้เจ็บท้อง(ที่มีอาการเย็นรอบๆท้อง) ปวดท้อง เนื่องจากว่าพยาธิ ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ รวมทั้งยังชื่อว่ารักษาอาการช้ำบวม รักษาลักษณะของการปวดท้อง รักษาอาการไอเจ็บคอ รักษาอาการผื่นคันอันเนื่องมาจากกำเนิดผื่นคัน รักษาโรคผิวหนัง รักษาโรคกลาเกลื้อน แผลอักเสบฝีหนองและสิว นอกเหนือจากนี้ยังคงใช้น้ำคั้นจากใบสดเป็นยาถ่ายพยาธิ ยาระบาย แก้อาการท้องผูก ขับเสลด ลดไข้แก้ปวดหัว ขับลมในกระเพาะ ทำให้ลมหายใจหอมชื่นบาน
นอกจากนั้นจากการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยยังกำหนดถึงสรรพคุณของพลูว่าใช้สมานแผลและใช้คุ้มครองเชื้อจุลินทรีย์ รวมทั้งนอกนั้นยังพบว่าในน้ำพลูมีสารeugenol และ chavicol ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาชาและช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้
ใช้ใบสด 3-5 กรัม ต้มน้ำดื่มสำหรับแก้ลักษณะของการปวดท้อง แก้ลมพิษ ให้ใช้ใบสดตำผสมเหล้าทาบริเวณที่เป็น ใช้เคี้ยวแล้วคายทิ้งวันละ 2-3 ครั้งช่วยกำจัดกลิ่นปาก แก้อาการท้องอืดท้องอืดและบำรุงกระเพาหาร ใช้ใบสดตำอย่างระมัดระวังคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำร้อนหนึ่งแก้วใช้ดื่ม ลดปวดบวม ใช้ใบพลู ใบใหญ่ๆนำไปอังไฟให้ร้อนใช้ไปประคบบริเวณที่ปวดบวมช้ำ รักษาขี้กลากแล้วก็ฮ่องกงฟุต เอาใบสดตำอย่างรอบคอบดองกับเหล้าขาวทิ้งเอาไว้ 15 วัน แล้วกรองเอาแต่น้ำใช้ทาบริเวณที่เป็น
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial activity) จากการศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์การยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียของสารสกัดจากใบพลูที่สกัดด้วยน้ำ พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อ Streptococcus mutans โดยพบว่าที่ความเข้มข้น 1 มก./มิลลิลิตร ของสารสกัดจากใบพลูมีผลทำให้เซลล์แตก นอกเหนือจากเชื้อดังที่พูดมาแล้วข้างต้นแล้ว มีการศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับพลูว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์กว้างใหญ่สำหรับเพื่อการยับยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อได้หลากหลายประเภท อาทิเช่น Ralstonia sp., Xanthomonas sp. แล้วก็ Erwinia sp., ฯลฯ โดยองค์ประกอบหลักที่พบในสารสกัดจากใบพลูที่สกัดด้วยน้ำเป็น hydroxychavicol, fatty acid และhydroxybenzenacetic acid รวมทั้งยังพบว่าสารสกัดใบพลูที่สกัดด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ S, aureus, B. cereus, K. pneumonia รวมทั้ง E. coli
ฤทธิ์สำหรับเพื่อการยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา (Antifungal activity) มีการศึกษาเล่าเรียนพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบพลูมีความรู้ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้หลายชนิดอย่างเช่น Colletotrichum capsici, Fusarium pallidoroseum, Botryodiplodia theobromae, Altemaria altemate, Penicilium citrinum, Phomopsis caricae-papayae และก็Aspergillus niger ซึ่งทดลองโดยใช้แนวทาง disc diffusion method พบว่าสารสกัดใบพลูจากเอทานอลมีฤทธิ์ยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ดีมากยิ่งกว่าprochloraz 2.5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร หรือ clorimazole 10 มก.มลนอกจากนั้นมีการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงครีมพลูเพื่อใช้สำหรับเพื่อการรักษาโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อรา ที่สามารถติดต่อสู่กันระหว่างคนและก็สัตว์โดยจัดแจงครีมพลูที่มี สารสกัดพลูจากเอทานอล10 % เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน ketoconazole cream 20% ด้วยวิธี disc diffusion method ผลการศึกษาเรียนรู้พบว่าให้ค่าการขัดขวางการเจริญเติบโตของเชื้อรา microsporum canis, microporum gypreum และก็ Trichophyton mentagrophyte ใกล้เคียงกับ ketosporum canis, microsporum gypreum และก็ trichophyton mentagrophyte ใกล้เคียงกับ ketoconazole cream เมื่อทำอ่านผลที่ 96 ชั่วโมงแม้กระนั้นความสามารถของครีมพลูเริ่มลดลงหลังจาก 96 ชั่วโมง และหมดไปในวันที่ 7 ของการทดสอบ
ฤทธิ์การต้านอักเสบ (Anti-inflammatory activity) การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านการอักเสบจากสารสกัดที่ได้จากพลูพบว่าสารสกัดจากใบพลูอบแห้งหนสกัดด้วยเอทานอล 95% มีสาระสำคัญที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอับเสบ คือ allylpyrocatechol โดยมีการศึกษาในหนู Sprague Dawley rat เพศผู้มีขนาดน้ำหนักตัว 100 – 120 กรัม ผลจาการทดลองพบว่าการฉีด allypyrocatechol ขนาด10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เข้าใต้ผิวหนังรอบๆ sub-plantar มีฤทธิ์สำหรับการต่อต้านการอักเสบที่เกิดขึ้นในหนูโดย allylpyrocaate-chol จะลดการแสดงออกของ mRNA ของ inducible nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase-2 (COX-2), interleukin-12p40 (IL-12p40) และก็ tumor necrosing factoralpha (TNF-α) ซึ่ง allylpyocatachol จะคุ้มครองป้องกันการทำลาย kappa B inhibitor (IKB) มีผลยั้งรูปแบบการทำงานของ transcription ขึ้น นำมาซึ่งการทำให้มีการกระตุ้นหลักการทำงานของ macrophage ลดลง ทำให้มีการเกิดการอักเสบลดน้อยลง
ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ (Free radlcal scavenging activity) การเรียนรู้ผลของสารสกัดใบพลูด้วยเอทานอลต่อการต้านอนุมูลอิสระในหนู Swiss albino mice โดยศึกษาเล่าเรียนถึงสาเหตุต่างๆที่มีผลต่อการเกิดอนุมูลอิสระผลจาการเรียนรู้พบว่าสารสกัดจากใบพลูมีผลสำหรับเพื่อการยับยั้งการเกิดวิธีการ lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นด้วยรังสีแกมมา รวมทั้งนอกจากนี้พบว่าเมื่อกระทำการป้อนสารสกัดพลูในขนาด 1,5 และ 10 มก./กก. ให้หนูกินวันแล้ววันเล่าต่อเนื่องกันตรงเวลา 2 อาทิตย์หลังจากนั้นจึงนำตับของหนูมาวิเคราะห์พบว่าไม่มีการเปลี่ยนระดับของ lipid peroxidation แล้วก็ยังพบว่าสารสกัดจากใบพลูมีผลทำให้จำนวนของ glutathione มากขึ้น ซึ่งglutathione มีส่วนสำคัญในขั้นตอนการ detoxification โดยจะไปกระทำการควบคุมและก็รักษาระดับของปฏิกิริยา redox และก็ thiol homeostasis ในตับ ซึ่งส่งผลสำหรับการควบคุมการเกิดปฏิกิริยาcellular oxidative รวมทั้งยังพบว่าสารสกัดใบพลูมีผลในการทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นการทำงานของเอนไซน์ superoxide dismutase (SOD) แต่ตรงกันข้ามพบว่า แนวทางการทำงานของเอนไซน์ catalase ลดน้อยลงนอกจากการเล่าเรียนสาเหตุดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้ว ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์เครียดของสัตว์ทดลองที่เกิดภายหลังจากการให้สารสกัดจากใบพลู โดยเล่าเรียนถึงความเคลื่อนไหวของระดับ glyoxalase system (Gly l แล้วก็ Gly ll) ซึ่งเป็นตัวบอกถึงสภาพการณ์เครียดของหนู ซึ่งจากการทดสอบพบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับ Gly l และก็ Gly ll) หลังจากการให้สารสกัดใบพลูกับหนู
ฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน (lmmunomodulating Activity) การเล่าเรียนผลของสารสกัดพลูด้วยเอทานอลต่อการสร้าง histamine และ granulocyte macrophage colony stimulating factor (GM-CSF) จาก bone marrow mast cells ของหนูแรท (murine rat) รวมทั้งการหลั่งของ eotaxin แล้วก็ IL-8 โดย human lung epithelial cell line (BEAS-2B) ซึ่งจากการเล่าเรียนพบว่าสารสกัดพลูด้วยเอทานอล ส่งผลลดการหลั่ง histamine และก็ GM-CSF ซึ่งเป็นผลมาจากการกระตุ้นของ lgE ที่เกิดขึ้นในปฏิกิริยาhypersensitive อย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็สารสกัดพลูจากเอทานอลยังมีผลสำหรับเพื่อการยั้งการหลั่ง eotaxin และ IL-8 ซึ่งมาจากจากการกระตุ้นของ TNF-α และก็ IL-4 ในปฏิกิริยา allergic reaction นอกจากนั้นยังพบว่าน้ำมันหอมระเหยจากพลูมีผลต่อผู้กระทำระบวนการ phagocytosis ของ macrocytes ในหนูถีบจักร และน้ำมันหอมระเหยจากพลูยังส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณของlymphocytes จากม้าม ไขกระดูก และต่อม thymus ในหนูถีบจักรด้วย
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การทดลองความเป็นพิษ (Toxicity test) ขนาดของสารสกัดพลูที่ป้อนให้หนูถีบจักรกินแล้วตายครึ่งเดียว (LD50) มีค่าเท่ากับ 3.22 ก./กิโลกรัม หนูที่ได้รับสารสกัดน้อยกว่า 2 ก./กก. มีลักษณะซึมและหลับ ไม่มีผลต่อการหายใจและก็กลับกลายธรรมดาได้ ถ้าหากได้รับสารสกัดมากยิ่งกว่า 2.5 ก./กก. พบว่าหนูมีลักษณะอาการซึมแล้วก็หลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีอาการเมื่อยล้า จากนั้นมีลักษณะซึมรวมทั้งตายเพราะว่าหายใจไม่ออก และนอกจากนี้ยังพบว่า chavicol แล้วก็ chavibetol เป็นสารในใบพลู ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ phenol เป็นพิษกับเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) กระตุ้นให้เกิด hypopigmentation ในส่วนของ basal cell layeres ของผิวหนังชั้นกำพร้า
ทดลองความเป็นพิษเมื่อฉายแสง (Phototoxicity) ของขี้ผึ้งพลู4% ซึ่งทำมาจากสารสกัดใบพลูด้วยอีเทอร์ใน modified polyethylene glycol ointment ต่อผิวหนังหนูตะเภา ไม่เจอผื่นแดง หรืออาการเคืองอะไรก็แล้วแต่อีกทั้งก่อนฉายแล้วก็ข้างหลังฉายแสงอุลตราไวโอเล็ต ตอนที่ยาจัดเตรียมขึ้ผึ้งใบพลูที่ใช้ base เป็น hydrophilic petrolatum จะเป็นพิษต่อผิวหนังหนูตะเภา โดยมีสีแดงแน่ชัด
ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดอะซีโตนแล้วก็สารสกัดน้ำจากใบ ความเข้มข้น 200 ไมโครกรัม/เพลท ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ Salmonella typhimurium TA98, TA100 ,TA1535, TA1537 รวมทั้ง TA1538 สารสกัดคลอโรฟอร์ม สารสกัด 50% เอทานอล สารสกัด 95% เอทานอล แล้วก็สารสกัดน้ำจากใบ ความเข้มข้น1.41 37.5 50 แล้วก็ 153.8 มิลลิกรัม/ เพลท ตามลำดับไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ ต่อเชื้อ S.typhimurium TA98, TA100
พิษต่อเซลล์ สารสกัดน้ำจากช่อดอก ความเข้มข้น 800 ไมโครกรัม/มล. เป็นพิษอย่างอ่อนต่อเซลล์ oralmucosal fibroblasts และสารสกัดเดียวกันนี้เป็นพิษอย่างอ่อนต่อเซลล์ gingival keratinocytes สารสกัด 95% เอทานอลจากใบ ความเข้มข้น20 ไมโครกรัม/มล. เป็นพิษอย่างอ่อนต่อเซลล์ 9KB
พิษต่อยีน สารสกัดน้ำจากช่อดอก เป็นพิษต่อยีนเมื่อทดลองในเซลล์ oral mucosal fibroblasts และก็เซลล์ gingival keratinocytes สาร hydroxychavicol จากช่อดอกเป็นพิษต่อยีน ทำให้โครโมโซมของเซลล์ Chinese hamster ovary (CHO-K1) แบ่งตัวแตกต่างจากปรกติ
เมื่อให้สารสกัดน้ำจากใบพลูร่วมกับสารสกัดน้ำจากหมากรวมทั้งยาสูบ ขนาด9.4 กรัม/กิโลกรัม แก่หนูถีบจักรเป็นเวลา 10 เดือน พบว่าทำให้โครโมโซมของเซลล์ไขกระดูกของหนูเปลี่ยนและก็มีการแบ่งตัวเปลี่ยนไปจากปกติ
ฤทธิ์ต่อระบบสืบพันธุ์ สารสกัด 95% เอทานอลจากก้านใบขนาด 30 มิลลิกรัม/กก. มีผลคุมกำเนิดในหนูขาวอีกทั้ง 2 เพศ ให้หนูถีบจักรเพศผู้กินสารสกัด 95% เอทานอลจากใบรวมทั้งลำต้นขนาด 50 มก./กิโลกรัม ใน 30 วันแรก แล้วก็ขนาด 1000 มิลลิกรัม/กก. ใน 30 คราวหลัง พบว่าสามารถคุมกำเนิดได้โดยลดการปฏิสนธิ (ferility) ได้ถึง 0% ในตอนที่สารสกัด 95% เอทานอล สารสกัดน้ำและสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์จากใบแล้วก็ราก (ไม่เจาะจงขนาดที่ใช้) ไม่มีผลต่อการคุมกำเนิดในหนูถีบจักรและไม่มีผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนที่มดลูกในหนูขาวที่ได้รับสารสกัดนี้ใบรวมทั้งรากแห้งไม่ระบุสารสกัดและก็ขนาดที่ใช้ ก็ไม่มีผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนเช่นเดียวกัน เมื่อให้โดยการฉีดเข้าทางท้องของหนูขาว
ฤทธิ์เกิดมะเร็ง นอกเหนือจากนั้นยังมีการเรียนรู้ในชายที่บดหมากในประเทศไต้หวัด โดยเรียนรู้ในคนเจ็บที่เป็นโรคมะเร็งหลอดของกินระยะเริ่มต้น (esophageal squamous-cell-carcinoma) จำนวน 126 ราย โดย 65 ราย เป็นผู้เจ็บป่วยที่มีประวัติว่าบดหมาก และ 61 ราย ในนั้นเป็นคนเจ็บที่เคี้ยวหมากกับดอกพลู (Piper betle infloesence) รวมทั้ง 4 ราย เคี้ยวหมากกับดอกรวมทั้งใบพลู (Piper betle inflorecence and betel leaf) พบว่าผู้ชายที่เคี้ยวหมาก มีโอกาสที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลอดของกินได้สูงขึ้นยิ่งกว่าคนที่มิได้เคี้ยวถ้าเกิด 4 เท่า รวมทั้งจากการศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติบพบว่า ผู้ที่บดหมากกับดอกพลูมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารได้มากกว่าผู้ที่บดหมากกับใบและก็ดอกพลู หรือเคี้ยวหมากกับใบและดอกพลู หรือเคี้ยวหมากกับใบพลูสิ่งเดียวถึง 24 เท่า(ไม่เจอผลต่างกันอย่างเป็นจริงเป็นจังในผู้ที่เคี้ยวหมากกับใบแล้วก็ดอกพลู หรือเคี้ยวหมากกับใบพลูสิ่งเดียว) ซึ่งผลจากการทดสอบในครั้งนี้คาดว่าในดอกของพลูมีสารที่นำมาซึ่งโรคมะเร็ง (carcinogens) แล้วก็ในใบพลูมีสารต้านโรคมะเร็ง (anticarcinogenic)
ข้อแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม
1. การเก็บใบพลู มาใช้ควรเก็บตอนเวลาสาย เพราะเหตุว่าเป็นช่วงที่ใบมีการสังเคราะห์แสงสมบูรณ์ โดยเลือกเก็บเฉพาะใบที่มีสีเขียวเข้ม ไม่สมควรเก็บใบอ่อนบริเวณยอดหรือเก็บใบแก่ที่เหลืองแล้ว เนื่องจากใบกลุ่มนี้จะมีสารเคมี หรือน้ำมันหอมระเหยน้อย
2. ในผู้ที่แพ้ยางของพืชชนิด ชะพลู พริกไทย ควรระมัดระวังไม่ให้โดนยางของพลูด้วยด้วยเหมือนกันเพราะเหตุว่าเป็นพืชในวงศ์เดียวกันอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้
3. การใช้พลูในต้นแบบสมุนไพรเพื่อการรักษาโรคควรใช้ในขนาดรวมทั้งจำนวนที่พอเหมาะไม่ใช้มากหรือใช้เป็นเวลานานเหลือเกิน
4. สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมลูก ควรจะขอคำแนะนำแพทย์และผู้ชำนาญก่อนใช้
เอกสารอ้างอิง

  • กานต์ วงศาริยะ , มัลลิกา ชมนาวัง , พลูกับคุณประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ , จุลาสารข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. ปีที่ 26 ฉบับที่ 3 . เมษายน 2552.หน้า 3-10
  • ผกากรอง ขวัญข้าว.พืชใกล้ตัว.อภัยภูเบศรสาร,2549.ปีที่4,หน้า1
  • อรัญญา และ จรีเดช มโนสร้อย.น้ำมันหอยระเหยและสารสกัดจากสมุนไพรไทย การใช้ทางยาและเครื่องสำอาง.2548,คอกข้าง:เชียงใหม่.หน้า 146-17.https://www.disthai.com/
  • อริญญา ศรีบุศราคัม.พลู กับโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา.จุลสารข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.ปีที่20.ฉบับที่3.เมษายน2546.หน้า4-8
  • จุฑามณี จารุจินดา จงจิตร อังคทะวานิช ลิ้นจี่ หวังวีระ และคณะ,บรรณาธิการ.ความก้าวหน้าของยาที่ใช้ในระบบทางเดินอาหาร.กรุงเทพฯ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล,2532:271 หน้า.
  • นันทวัน บุณยะประภัศร อรนุช โชคชัยเจริญพร.บรรณธิการ.สมุนไพรไม้พื้นบ้านเล่ม 1 กรุงเทพ:บริษัท ประชาชน จำกัด 2541
  • ผศ.สุนทรี วิทยานารถไพศาล.เลื่อยและพลู.คอลัมน์อื่นๆ นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่40.สิงหาคม.2525
  • พลู ใบพลู ประโยชน์และสรรพคุณพลู.พืชเกษตรดอทคอมเว็บเพื่อพิชเกษตรไทย(ออนไลน์).Choudhary, D.ang R.K. Kale, Antioxidant and non-toxic properties of Piper betle leaf extract: in vitro and in vivo studies. Phytother Res, 2002. 16(5):p. 461-6.
  • Mohamed, S., et al., Antimycotic screening of 58 Malaysia against pathogens. Pesticds science, 1996. 47(3):p.259-264.
  • Guha, P.,Betel Leaf: Negalected Green Gold of lndia. J. Hum. Ecol., 2006. 19(2):p.87-93.
  • Best R, Lewis DA, Nasser N. The anti-ulcerogenic activity of the unripe plantain banana (Musa species). Brit J Pharmacol 1984;82(1):107-16.
  • Ghosal S, Saini KS. Sitoindosides l and ll, two new anti-ulcerogenic sterylacylgucosides from Musa paradisiaca. J Chem Res(s) 1984;4:110
  • Nopamart, T., C. Arinee, and K. Watcharee, An invitro evaluation of Piper betle skin cream as anti-zoonotic dermatophytes. The proceeding of 42th Kasetsart  University  annual conference 2004:p.441-448.
  • Pannangpetch P, Vuttivirojana A, Kularbkaew C, et al. The antiulcerative effect of Thai musa species in rats. Phyther res 2001;15(5):407-10.
  • Sengupta, A., et al., Pre-clinical toxicity evaluation of leaf-stalk extractive of Piper betle Linn in rodents. Lndian J Exp Biol,2000. 38(4): p.338-42.
  • Lirio, L.G.,M.L. Hermana, and M.Q. Fontonilla, Note Antibacterial Activity of Medicinal Plants from the Philippines Pharmaceutical Biology, 1998.36(5): p.357-359.
  • Gruenwald J, Brendler T, Jaenicke C, et al (eds.)PDF for herbal for herbal medicines (2 nd Edition) New Jersey:Medical Economic Company,2000:858pp
  • Wu, M.T., et al., Constituents of areca chewing related to esophageal cancer risk in Taiwanese men. Dis Esophagus, 2004. 17(3):p.257-9.
  • Dompmartin A, Szczurko C, Michel M, et al. Two cases of urticaia following fruit ingestion, with cross-sensitivity to latex Contact Dermat 1994;30(4):250-2.



Tags : พลู



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี

พลู ประโยชน์เเละสรรพคุณ
« เมื่อ: ธันวาคม 25, 2018, 08:34:53 PM »
SEO