รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: ต้นตระกูล Huawei P Series  (อ่าน 88 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

honeylemon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3449
    • ดูรายละเอียด
ต้นตระกูล Huawei P Series
« เมื่อ: มกราคม 01, 2019, 06:57:59 PM »

Permalink: ต้นตระกูล Huawei P Series
หากว่าเอ่ยถึง Huawei เชื้อสาย P Series ตัวแรกที่คิดถึงเลย ก็น่าจะหนีไม่พ้น Huawei P9 เนื่องด้วยช่วงที่เปิดตัวรุ่นนี้ออกมาเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559 ถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะด้วยความเป็นกล้องคู่ที่ได้รับการผสมผสานของเทคโนโลยีที่ร่วมพัฒนากับ LEICA จึงทำให้ Huawei P9 ที่สามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดสูงได้อย่างสวยงาม และยังได้รับความชื่นชอบอยู่ในปัจจุบันนี้ วันนี้ผมจะนำทางย้อนรอยเรื่องกล้องถ่ายรูปของ Huawei P9 อีกครั้ง ไปดูกันครับ
 
 Huawei P9 มีกล้องถ่ายภาพส่วนหลัง 2 กล้องถ่ายรูปที่ทาง Huawei ได้ร่วมกันกับทาง LEICA ซึ่งเป็นบริษัทกล้องถ่ายภาพดีกรีตำนานมาร่วมดีไซน์กล้องถ่ายภาพให้กับทาง Huawei P9 โดยบริเวณกล้องถ่ายรูปหลังจะมีข้อความกำกับไว้ว่า LEICA ซึ่งล่าง LEICA จะเขียนไว้ว่า Summarit H 1:2.2/27 APSH ซึ่ง Summarit เป็นการบ่งบอกช่วงขนาดรูรับแสงของเลนส์ LEICA ส่วนเลขต่อท้าย 1:2.2 คือเลนส์มีรูรับแสงขนาด 2.2 และเลข 27 คือทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 27mm ซึ่งถือเป็นระยะที่ให้มุมกว้างที่เหมาะเลยเชียว
 
 โดยกล้องตัวแรกของ Huawei P9 เป็นกล้องถ่ายรูปที่มีเซนเซอร์รับภาพสี (RGB) ในขณะกล้องถ่ายภาพตัวที่ 2 จะเป็นกล้องถ่ายรูปที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochrome) ซึ่งให้ภาพที่คมชัดกว่า สามารถรับแสงได้มากกว่าทั่วๆ ไป และการที่รับแสงได้มากกว่า นั่นหมายถึงปริมาณ noise ที่น้อยกว่านั่นเอง จึงได้คุณภาพของไฟล์ภาพที่ดีกว่า แต่กล้องทั้งสองตัวก็มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดพิกเซล 1.25 ไมครอน, ไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone และระบบการโฟกัสภาพแบบ Hybrid Autofocus เหมือนกันเลย อีกอย่างถึงจะแบ่งแยกเป็นกล้อง RGB กับ กล้องถ่ายภาพ Monochrome แต่กล้องถ่ายภาพทั้งสองตัวจะทำงานด้วยกันอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุให้ภาพที่ได้มีสีสัน และรายละเอียดในส่วนสีขาว-ดำชัดมากกว่าการถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูปทั่วไป รวมถึงสามารถปรับจุดโฟกัสหลังจากทำการถ่ายรูปได้ด้วยเหมือนกัน

 ส่วนกล้องถ่ายภาพด้านหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง 2.4 ซึ่งก็ยังถือว่ายังทำออกมาได้ดีแม้จะมิใช่ LEICA แล้วก็ตาม และสามารถปรับระดับความฟรุ้งฟริ้งกิงก่องแก้ว หรือ Beauty Mode ได้ถึง 10 ระดับเลยทีเดียว ที่สำคัญคือกล้องถ่ายภาพด้านหน้าของ Huawei P9 สามารถวัดแสงและชดเชยออกมาได้ออกจะสว่าง หน้าขาวใส ถ้าใครที่นิยมชมชอบถ่ายภาพตัวเอง ก็ไม่ควรพลาด ยิ่งกว่านั้นยังสามารถถ่ายได้แม้ในที่แสงน้อย ก็ยังทำได้ดีอีกเช่นกัน ตัวอย่างเช่นท่านไปงานเลี้ยงกลางคืน แต่ต้องการเซลฟี่ ท่านก็สามารถถ่ายได้ทุกที่ โดยไม่ต้องมองหาแสงจากที่ใด เพราะว่าหน้าจอของ Huawei P9 จะส่องสว่างโดยทันทีที่คุณลั่นชัตเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับแฟลชหน้าเลยเทียว
 
 และหากว่าเจาะลึกไปทีละโหมดการใช้งาน ก็คงจะเริ่มที่โหมดอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโหมดที่ใช้งานหมูที่สุด ก็เพราะว่าเพียงแค่ยก Huawei P9 ขึ้นมาแล้วกดชัตเตอร์แค่นั้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยอยากปรับอะไรมาก หรือผู้ที่หัดถ่ายรูป แต่ต้องการรูปที่สวยงาม โหมดอัตโนมัติก็สามารถตอบโจทย์ส่วนนี้ได้ดี ถัดมาเป็นโหมดโปร เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานการถ่ายรูปอยู่บ้าง โดยท่านสามารถเลือก ISO / WB / Shutter Speed แต่ไม่สามารถปรับรูรับแสงได้ ซึ่งตัวเครื่องจะกำหนดพื้นฐานที่ 2.2 และในโหมดโปรสามารถเลือกบันทึกภาพเป็นแบบ raw file ได้ด้วย ถ้าหากใครอยากนำไปแต่งในโปรแกรมต่างๆ ต่อ แต่ก็มิได้มีฤทธิ์เดชในการแต่งเยอะมากมาย ด้วยขีดจำกัดเรื่องขนาดเซนเซอร์นั่นเอง
 
 ถัดมาเป็นโหมดขาว-ดำ ในกล้องถ่ายภาพ Monochrome ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดดีเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นยี่ห้อเริ่มแรกที่มีกล้องถ่ายภาพเพื่อถ่ายขาวดำโดยเฉพาะซึ่งจะสามารถเก็บรายละเอียดความต่างแสง (Dynamic range) ได้มากกว่าถ่ายแบบสี ซึ่งได้ภาพที่กระจ่าง สวยงามมาก เหมือนราวกับมาจาก LEICA ซะเองเลย และอีกโหมดที่น่าสนใจคือ โหมด Wide Aperture ซึ่งเป็นโหมดหน้าชัดหลังเบลอนั่นเองซึ่งในโหมดนี้เป็นการเลียนแบบรูรับแสง ซึ่งสามารถปรับต่ำสุดได้ที่ F 0.95 และสูงสุดที่ F 16 ซึ่งคงจะทำได้ไม่ดีเหมือนกับกล้องถ่ายรูปใหญ่อย่าง DSLR เพราะมีขนาด Sensor ที่เล็กกว่านั่นเอง แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาจนขี้ริ้วขี้เหร่
 
 และโหมดสุดท้ายที่ไม่แนะนำไม่ได้ นั่นคือ โหมดถ่ายกลางคืน หรือว่า Night mode นั่นเอง ซึ่งหากท่านมีขาตั้งอีกตัว ภาพที่ท่านจะได้นี่เท่าเทียมกล้องถ่ายรูปใหญ่ๆได้เลยนะ เพราะว่าถ้าไม่มีขาตั้งกล้อง อาจจะทำให้ภาพสั่นไหวได้ และโหมดนี้ท่านสามารถเลือก ISO ได้สูงสุดที่ 1600 และ Shutter Speed เลือกเปิดได้นานถึง 32 วินาทีเลยทีเดียว แต่ถ้าหากไม่ต้องการปรับเปลี่ยนอะไร ก็สามารถให้ระบบเลือกให้ออโต้ได้เลย
 
 นี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นของ Huawei P9 ซึ่งยังมีสาระสำคัญ สเปคการใช้งานอื่นๆ ที่น่าศึกษาอีกมากมายก่ายกอง แต่อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ว่า Huawei สาย P Series นั้น มีจุดสำคัญที่กล้องถ่ายภาพอยู่แล้ว ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ และต้องการรูปที่ค่อนข้างมีคุณภาพเสมอเหมือนกล้องถ่ายภาพใหญ่ๆ อีกทั้งยังสามารถพกพาได้อย่างสะดวกมากกว่าพกกล้องจริงๆ เสียอีก ก็ขอแนะนำเครื่องนี้เลย ซึ่งทุกวันนี้ Huawei P9 ราคาได้ลดลง โดยเริ่มต้นเพียง 7,300 บาทเท่านั้น ซึ่งแต่ละเว็บไซต์ หรือร้านค้า ราคาอาจต่างกันออกไป ยังไงก็ลองตรวจสอบราคากันอีกครั้งนะฮะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : Huawei p9

Tags : Huawei p9,Huawei p9 ราคา,รีวิว Huawei P9



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี

ต้นตระกูล Huawei P Series
« เมื่อ: มกราคม 01, 2019, 06:57:59 PM »
SEO