กีฬาแบดมินตันเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่หลายๆคนนิยมกันค่ะอ เพราะเนื่องจากว่าเล่นง่ายไม่สลับซับซ้อนมีความสนุก ที่สำคัญออกแรงแล้วได้เหงื่อสุดๆเลยล่ะจ้ะ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นที่คอร์ดก็ดี การเล่นที่สวนสาธารณะก็ไม่เลวแล้วก็ที่สำคัญไปกว่านั้นก็เป็นกีฬาที่เราสามารถสร้างสัมพันธ์ใหม่ๆสำหรับการเล่นกีฬาได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับการเล่นกีฬา
แบดมินตันนี้มีอีกหนึ่งเครื่องมือที่เราจะใช้สำหรับในการเล่น เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นมันก็คือไม้แบดนั้นเองค่ะ โดยเหตุนี้การเลือกซื้อ
ไม้แบดมินตันสำหรับในการตีแบดไม่ใช่ว่าสักแต่ว่าเลือกซื้อไปอันไหนก็ได้ราคาถูกไว้ก่อน แต่พวกเราจะต้องมีแนวทางการเลือกไม้แบดให้ได้คุณภาพเพื่ออรรถรสสำหรับในการออกกำลังกายของเรานั่นเองค่ะ ด้วยเหตุผลดังกล่าววันนี้เรามาดูกันจ้ะว่าพวกเราจะเลือกซื้อไม้แบดให้ได้ คุณภาพจำต้องดูอะไรบ้าง
วิธีการง่ายๆเลือกไม้แบดมินตันด้วยตัวคุณเอง ลำดับแรกที่จำต้องดูเลยก็คือรูปเฟรมของไม้จ้ะ หรือที่คนจำนวนมากรู้จักกันในชื่อที่เรียกว่า Flame Shape ไม้แบดที่ดีควรมีรูปเฟรมไม้แบบ isometric แบบสมมาตร ตัวไม้รูปสี่เหลี่ยมบริเวณจุดกระทบลูกกว้างกว่าเฟรมไม้รูปไข่จึงจะสามารถสร้างสมดุล หอยกาบ เอ็นทั้งแนวตั้งและก็แนวนอนเพื่อความแม่นยำสำหรับในการผลักลูกเมื่อตกกระทบกับหน้าไม้นั่นเองค่ะ
ถัดมาเป็นระดับความแข็งแรงของก้านไม้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกันคือ
- การยืดหยุ่นระดับ Soft หรือ Super Flex ไม้ชนิดนี้จะยืดหยุ่นได้อย่างดี เหมาะสำหรับที่จะเป็นไม้รับหรือวางรูป ก้านไม้มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้}ได้เร็วและแรงยังช่วยเสริมให้ดีดส่งลูกไปท้ายคอร์ดได้อีกด้วย ที่สำคัญยังเหมาะกับการรับลูกตบเป็นการตอบโต้แบบฉับไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกดาดนั่นเองจ้ะ
- การยืดหยุ่นระดับ medium หรือ regular การยืดหยุ่นแบบนี้จะมีความแข็งแรงในระดับปานกลางธรรมดา ก็เลยจะเหมาะสมอย่างยิ่งกับการที่จะใช้เป็นไม้รุกและก็รับในตัวค่ะ ยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยเสริมให้การตีลูกจากหน้าไม้ได้ดีมากๆอีกด้วย รวมถึงการเล่นแบบวาดหน้าไม้ก็ทำได้คล่องทั้งรุกและรับ ซึ่งเหมาะกับการตีแบด ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเล่นผู้เดียวหรือเล่นคู่จ้ะ
- การยืดหยุ่นระดับ Stiff หรือ extra stiff ประเภทนี้จะเป็นก้านที่มีความแข็งแรงกว่าทุกแบบจ้ะ ก็เลยเหมาะที่จะเป็นไม้รุกช่วยทำให้การส่งพลังจากแรงข้อมือไปถึงลูกที่ตกกระทบมายังหน้าไม้ได้อย่างแรงประสิทธิภาพ สำหรับในการเล่นแบบรุกจึงค่อนข้างจะดีมากกว่าไม้ทั้ง 2 แบบก่อนหน้า ที่สำคัญน้ำหนักแล้วก็ทิศทาง}สำหรับเพื่อการเล่นจะสามารถควบคุมได้อย่างดี เมื่อใช้ไม้ชนิดนี้ เช่น เล่นลูกตบลูกหยอดหน้าตาข่าย ลูกครึ่งตบเหมาะกับการเล่นในเกมรุกเป็นสำคัญฉะนั้นการตีแบดมินตันเพื่อการทำคะแนนกับคู่ต่อสู้และเพื่อการเอาชนะแล้วล่ะก็ต้องเลือกไม้จำพวกนี้กันเลยล่ะจ้ะ แต่ก็ใช่ว่าในเกมรับจะทำได้ไม่ดีนะคะ แต่ตรงกันข้ามยังสามารถเล่นเกมรับได้ดีเยี่ยมๆอีกด้วย

จุดศูนย์ถ่วงของไม้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราจึงควรเลือกให้ดีค่ะ ซึ่งช่วงนี้ก็จะวัดจากปลายมือจับ ไปจนกระทั่งหน้าไม้ คุณลักษณะของจุดศูนย์ถ่วงก็คือจะเป็นตัวบ่งบอกและก็ชี้วัดคุณสมบัติของไม้นั้นๆว่าเหมาะกับวิธีการเล่นแบบคู่หรือเล่นแบบลำพัง เล่นเกมรุกหรือเล่นเกมรับ ซึ่งส่วนมากไม้แบดจะเขียนจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่ก้านไม้ด้วยแล้วล่ะจ้ะ แน่ๆว่าไม้แต่ละแบบที่มีจุดศูนย์ถ่วงแตกต่างกันก็มีต้นเหตุมาจากน้ำหนักของไม้ที่ไม่เหมือนกันด้วย โดยเหตุนี้ไม้แต่ละแบบจึงมีแรงส่งลูกมากน้อยต่างกัน ไปดูกันค่ะว่าไม้ที่มีศูนย์ถ่วงระยะต่างๆเหมาะกับการเล่น
ตีแบด แบบไหน
- ไม้หัวเบา เหมาะสำหรับเล่นเกมรับแล้วก็จะมีจุดศูนย์ถ่วงที่ระยะ 270 ถึง 280 mm
- ไม้หัวหนักก้านกลาง เป็นไม้ที่เหมาะสมกับการเล่นทั้งเกมรุกและก็เกมรับ มีจุดศูนย์ถ่วงระยะ275 ถึง 285 mm
- ไม้หัวหนัก เป็นไม้แบบที่เหมาะสมกับการเล่นเกมรุกจะมีจุดศูนย์ถ่วงที่ระยะ 285 ถึง 295 mm
- ไม้เบา เป็นไม้ที่ใช้ตีสวิงลูกได้อย่างรวดเร็วและก็สามารถควบคุมหน้าไม้ได้แคล่วคล่องว่องไวและก็ง่ายยิ่งกว่าไม้แบบอื่นๆเหมาะสมกับการเล่นหน้าตาข่าย เล่นทางวางลูกเล็งลูกได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว เน้นเกมรับมากกว่าเกมรุกจ้ะ
- ไม้หนัก เป็นไม้ที่ใช้เพื่อการตีสวิงลูกได้รุนแรงกว่าไม้ชนิดอื่นๆ เพราะมีน้ำหนักที่หัวไม้มากกว่าเหมาะกับการตี
แบดมินตันที่จะต้องเล่นลูกตบที่หนักหน่วง รวมทั้งจำต้องใช้น้ำหนักและก็ทิศทางที่แน่นอน โดยเหตุนี้ถ้าเกิดอยากได้คุณสมบัติของไม้ที่สามารถตีวงสวิงลูกได้อย่างดีเยี่ยม และเป็นไม้รุกไปในตัวควรใคร่ครวญที่ก้านไม้จะต้องเป็นก้านไม้แบบแข็ง รวมทั้งมีจุดศูนย์ถ่วงเป็นไม้หัวหนักนั่นเองจ้ะ
Tags : ตีแบด