รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: เทือกเถาเหล่ากอ Huawei P Series  (อ่าน 78 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

uchaiyawat

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3512
    • ดูรายละเอียด
เทือกเถาเหล่ากอ Huawei P Series
« เมื่อ: มีนาคม 28, 2019, 05:22:47 AM »

Permalink: เทือกเถาเหล่ากอ Huawei P Series
หากกล่าวถึง Huawei กลุ่ม P Series ตัวแรกที่คำนึงถึงเลย ก็น่าจะหลีกเลี่ยงไม่พ้น Huawei P9 เพราะช่วงที่เปิดฉากรุ่นนี้ออกมาครั้นวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559 จัดว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะความเป็นกล้องถ่ายรูปคู่ที่ได้รับการผสมผสานของเทคโนโลยีที่ร่วมพัฒนากับ LEICA จึงเป็นเหตุให้ Huawei P9 ที่สามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดสูงได้อย่างงดงาม และยังได้รับความชื่นชอบอยู่ในเวลานี้ วันนี้เราจะพาไปย้อนรอยเรื่องกล้องถ่ายรูปของ Huawei P9 อีกครั้ง ไปดูกันครับ
 
 Huawei P9 มีกล้องถ่ายภาพหลัง 2 กล้องที่ทาง Huawei ได้ร่วมกันกับทาง LEICA ซึ่งเป็นบริษัทกล้องถ่ายภาพระดับตำนานมาร่วมดีไซน์กล้องให้กับทาง Huawei P9 โดยบริเวณกล้องถ่ายภาพข้างหลังจะมีข้อความกำกับไว้ว่า LEICA ซึ่งล่าง LEICA จะเขียนไว้ว่า Summarit H 1:2.2/27 APSH ซึ่ง Summarit เป็นการบ่งบอกช่วงขนาดรูรับแสงของเลนส์ LEICA ส่วนเลขห้อยท้าย 1:2.2 คือเลนส์มีรูรับแสงขนาด 2.2 และเลข 27 คือทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 27mm ซึ่งนับว่าเป็นระยะที่ให้มุมกว้างที่กำลังดีเลยเชียว
 
 โดยกล้องตัวแรกของ Huawei P9 เป็นกล้องถ่ายรูปที่มีเซนเซอร์รับภาพสี (RGB) ในขณะที่กล้องตัวที่ 2 จะเป็นกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochrome) ซึ่งให้ภาพที่คมชัดกว่า สามารถรับแสงได้มากกว่าปกติ และการที่รับแสงได้มากกว่า นั่นหมายความว่าปริมาณ noise ที่น้อยกว่านั่นเอง จึงได้คุณภาพของไฟล์ภาพที่ดีกว่า แต่กล้องทั้งสองตัวก็มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดพิกเซล 1.25 ไมครอน, ไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone และระบบการโฟกัสภาพแบบ Hybrid Autofocus เช่นเดียวกันเลย อีกอย่างแม้จะแยกเป็นกล้อง RGB กับ กล้องถ่ายภาพ Monochrome แต่ว่ากล้องถ่ายรูปทั้งสองตัวจะทำงานร่วมกันอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุให้ภาพที่ได้มีสีสัน และรายละเอียดในส่วนสีขาว-ดำชัดมากกว่าการถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูปทั่วไป รวมถึงสามารถปรับโฟกัสหลังจากทำการถ่ายภาพได้ด้วยเหมือนกัน

 ด้านกล้องถ่ายภาพหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง 2.4 ซึ่งก็ยังถือได้ว่ายังทำออกมาได้ดีถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ LEICA แล้วก็ตาม และสามารถปรับระดับความฟรุ้งฟริ้งกิงก่องแก้ว หรือ Beauty Mode ได้ถึง 10 ระดับเลยทีเดียว ที่สำคัญคือกล้องถ่ายรูปหน้าของ Huawei P9 สามารถวัดแสงและชดเชยออกมาได้ค่อนข้างจะสว่าง หน้าตาขาวใส ถ้าหากใครที่ชอบเซลฟี่ ก็ไม่ควรพลาด อีกทั้งยังสามารถถ่ายได้แม้ในที่แสงสว่างน้อย ก็ยังทำได้ดีอีกเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นคุณไปงานกลางคืน แต่ว่าอยากเซลฟี่ ท่านก็สามารถถ่ายได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องมองหาแสงจากที่ใด เพราะหน้าจอของ Huawei P9 จะส่องสว่างทันทีที่ท่านลั่นชัตเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับแฟลชข้างหน้าเลยเชียว
 
 และหากเจาะลึกไปทีละโหมดการใช้งาน ก็คงจะเริ่มที่โหมดอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโหมดที่ใช้งานสะดวกที่สุด เพราะแค่เพียงยก Huawei P9 ขึ้นมาแล้วกดชัตเตอร์เท่านั้น เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยอยากปรับอะไรมาก หรือผู้ที่ฝึกถ่ายรูป แต่ต้องการรูปที่สวยงาม โหมดออโต้ก็สามารถตอบโจทย์ส่วนนี้ได้ดี ถัดมาเป็นโหมดโปร เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานการถ่ายรูปอยู่บ้าง โดยท่านสามารถเลือก ISO / WB / Shutter Speed แต่ไม่สามารถปรับรูรับแสงได้ ซึ่งตัวเครื่องจะกำหนดพื้นฐานที่ 2.2 และในโหมดโปรสามารถเลือกบันทึกภาพเป็นแบบ raw file ได้ด้วย ถ้าหากใครต้องการนำไปแก้ไขในโปรแกรมต่างๆ ต่อ แต่ก็มิได้มีอานุภาพในการแต่งเยอะมากมาย เพราะด้วยขีดจำกัดเรื่องขนาดเซนเซอร์นั่นเอง
 
 ถัดมาเป็นโหมดขาว-ดำ ในกล้องถ่ายภาพ Monochrome ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งข้อดีเลยก็ว่าได้ เหตุเพราะเป็นยี่ห้อแรกเริ่มที่มีกล้องเพื่อถ่ายขาวดำโดยเฉพาะซึ่งจะสามารถเก็บรายละเอียดความต่างแสง (Dynamic range) ได้มากกว่าถ่ายแบบสี ซึ่งได้ภาพที่กระจ่าง สวยงามมาก เหมือนยังกะมาจาก LEICA ซะเองเลย และอีกโหมดที่น่าสนใจคือ โหมด Wide Aperture ซึ่งเป็นโหมดหน้าชัดหลังเบลอนั่นเองซึ่งในโหมดนี้เป็นการเลียนแบบรูรับแสง ซึ่งสามารถปรับต่ำสุดได้ที่ F 0.95 และสูงสุดที่ F 16 ซึ่งอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนกับกล้องถ่ายภาพใหญ่อย่าง DSLR เพราะว่ามีขนาด Sensor ที่เล็กกว่านั่นเอง แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาจนน่าอาย
 
 และโหมดสุดท้ายนี้ที่ไม่แนะนำมิได้ นั่นคือ โหมดถ่ายกลางคืน หรือว่า Night mode นั่นเอง ซึ่งถ้าท่านมีขาตั้งอีกตัว ภาพที่คุณจะได้นี่เสมอเหมือนกล้องถ่ายภาพใหญ่ๆได้เลยนะ เพราะว่าถ้าปราศจากขาตั้งกล้อง อาจจะทำให้ภาพสั่นไหวได้ และโหมดนี้ท่านสามารถเลือก ISO ได้สูงสุดที่ 1600 และ Shutter Speed เลือกเปิดได้นานถึง 32 วินาทีเลยทีเดียว แต่ถ้าหากไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไร ก็สามารถให้ระบบเลือกให้อัตโนมัติได้เลย
 
 นี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นของ Huawei P9 ซึ่งยังมีจุดดี สเปคการใช้งานอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากหลาย แต่อย่างที่บอกไปในข้างต้น ว่า Huawei ตระกูล P Series นั้น มีประเด็นสำคัญที่กล้องถ่ายรูปอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากใครที่โปรดปรานการถ่ายภาพ และต้องการภาพถ่ายที่ค่อนข้างจะมีคุณภาพเสมอเหมือนกล้องถ่ายภาพใหญ่ๆ แถมสามารถติดตัวได้อย่างราบรื่นมากกว่าพกกล้องถ่ายภาพจริงๆ เสียอีก ก็ขอแนะนำเครื่องนี้เลย ซึ่งณ เวลานี้ Huawei P9 ราคาได้ลดลง โดยเริ่มต้นเพียง 7,300 บาทเท่านั้น ซึ่งแต่ละเว็บไซต์ หรือห้างร้าน ราคาอาจแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ลองตรวจสอบราคากันอีกครั้งนะครับผม
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : Huawei p9

Tags : Huawei p9,Huawei p9 ราคา,รีวิว Huawei P9



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี

เทือกเถาเหล่ากอ Huawei P Series
« เมื่อ: มีนาคม 28, 2019, 05:22:47 AM »
SEO