สมุนไพรหมีเหม็นหมีเหม็น Litsea glutinosa C.B. Rob.บางถิ่นเรียกว่า หมีเหม็น มะเย้อ ยุบเหยา (เหนือ, จังหวัดชลบุรี) กำปรนบาย (ซอง-เมืองจันท์) ดอกจุ๋ม (ลำปาง) ตังสีไพร (พิษณุโลก) ทังบประมาณวน (ปัตตานี) มือเบาะ (มลายู-ยะลา) ม้น (จังหวัดตรัง) หมี (จังหวัดอุดรธานี, ลำปาง) หมูทะลวง (จันทบุรี) หมูเหม็น (แพร่) เสปี่ยขู้ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
หมีเหม็น (กาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี)
ไม้พุ่ม -> สูง 2-5 มัธยม แขนงมีสีเทา
ใบ -
หมีเหม็น> ลำพัง ออกเรียงสลับ ชอบออกเป็นกลุ่มหนาแน่นที่ปลายกิ่ง ใบรูปรี หรือรูปไข่กลับ หรือค่อนข้างกลม กว้าง 4-10 ซม. ยาว 7-20 ซม. ปลายใบเรียวแหลม หรือ กลม โคนใบสอบเป็นครีบหรือกลม ขอบของใบเรียบ หรือเป็นคลื่นน้อย ด้านบนเกลี้ยงเป็นเงา ด้านล่างมีขน เส้นใบมี 8-13 คู่ ข้างล่างเห็นได้ชัดกว่าด้านบน ก้านใบยาว 1-2.5 เซนติเมตร มีขน
ดอก -> ออกตามง่ามใบเป็นช่อ แบบซี่ร่ม ก้านช่อยาว 2-6 ซม. มีขน ใบตกแต่งมี 4 ใบ มีขน ก้านดอกย่อยยาว 5-6 มิลลิเมตร มีขน ดอกเพศผู้ ช่อหนึ่งมีประมาณ 8-10 ดอก กลีบรวมลดรูปจนถึงเหลือ 1-2 กลม หรือเปล่าเหลือเลย กลีบรูปขอบขนาน ขอบกลีบมีขน เกสรเพศผู้มี 9-20 อัน เรียงเป็นชั้นๆก้านเกสรมีขน ชั้นในมีต่อมกลมๆที่โคนก้าน ต่อมมีก้าน อับเรณูรูปรี มี 4 ช่อง เกสรเพศเมียเป็นหมันอยู่กึ่งกลาง ดอกเพศภรรยา กลีบรวมลดรูปจนไม่มี หรือเหลือเพียงแค่
หมีเหม็นน้อย เกสรเพศผู้เป็นหมันเป็นรูปช้อน เกสรเพศเมียไม่มีขน รังไข่รูปไข่ ก้านเกสรเพศเมียยาวราวๆ 1-2 มิลลิเมตร ปลายเกสรเพศเมียรูปจาน ผล กลม เมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีดำ ผิววาว ก้านผลมีขน
นิเวศน์วิทยาขึ้นในป่าเบญจพรรณเปียกชื้น และก็ป่าดงดิบทั่วไป
สรรพคุณราก -> เป็นยาฝาดสมาน รวมทั้งยาบำรุง
ต้น -
หมีเหม็น> ยางเป็นยาฝาดสมานแก้บิด ท้องเสีย กระตุ้นความยินดีในกาม ทาแก้พิษแมลงกัดต่อย แก้ปวด บดเป็นผงผสมกับน้ำหรือนม ทาแก้แผลอักเสบ และเป็นยาสมานแผล ใบ มีเยื่อเมือกมาก ใช้เป็นยาฝาดสมาน และแก้อาการระคายของผิวหนัง
หมีเหม็นตำเป็นยาพอกรอยแผลเล็กๆน้อยๆ
ผล -> กินได้และก็ให้น้ำมัน เป็นยาเช็ดนวดแก้ปวด rheumatism
เมล็ด -> ตำเป็นยาพอกฝี