ทั่วโลก!!! กำลังสะพรึง กำลังหวาดกลัวกับมหาตภัยอย่าง “ไวรัสโควิด-19” ที่ไม่รู้ว่าจะไปยุติ ไปจบลงกันเมื่อใด และอย่างไร? เพราะพิษภัยของโรคระบาดชนิดนี้ น่ากลัว เกินกว่าที่ใครหลายคนคาดการณ์
จันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น.
ที่สำคัญโรคร้ายชนิดนี้ กำลังบ่อนทำลายเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศพังครืน!! ลงมาแบบชนิดที่คาดไม่ถึง หากตั้งรับกันไม่ทันท่วงที โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยที่ส่อแววติดลบให้เห็นในไตรมาสแรกของปีนี้
ยิ่งถ้ารัฐบาล!! ยังไม่รีบหามาตรการออกมารองรับให้ทันท่วงที เพราะมัวแต่บริหาร “การเมือง” รับรองได้ว่า พัง!! ค่ะ พังแน่ ๆ ด้วยเพราะ
เศรษฐกิจโลก การค้าโลก ก็ไม่ดีอยู่แล้ว
เศรษฐกิจในประเทศยังไม่กระเตื้องเข้าให้อีก ก็ไม่รู้แล้วล่ะค่ะว่า ลำพังเพียงแค่งบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ 63 จะ “เอาอยู่” ได้แค่ไหน?
แถมถ้า “การเมือง” ยังเล่นเกมแบบไม่คำนึงถึงภาพรวมของประเทศเข้าให้อีก คนไทยตาดำ ๆ ก็รอก่ายหน้าผากกันได้เลย ต่อให้การซักฟอกนายกฯและรมต.อีก5 คน ผ่านไปได้ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นก็ตาม แต่เสียงท่วมท้นที่ว่าได้แฝงไปด้วยเล่ห์ ด้วยเกม ที่ต้องการให้ “บิ๊กตู่” แสดงความรับผิดชอบ ที่ได้รับคะแนนสนับสนุนน้อยกว่า “พี่ใหญ่”
อย่างที่บอก… เรื่องของการเมือง หากเล่นไม่ถูกจังหวะ คนไทยก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ยิ่งเวลานี้ภาคธุรกิจ ต่างปิดตัวเอง ต่างล้มหายตายจาก รายที่พอไปไหว ก็ลดต้นทุนสารพัด หลายหน่วยงาน “ผู้บริหาร” อาจแสดงสปิริตยอมลดเงินเดือนตัวเอง 30% บ้าง 50% บ้าง
แต่สุดท้าย… บรรดาลูกจ้าง ก็ต้องถูกหางเลข ถูกผลกระทบไปด้วย ต่อให้เวลานี้ อาจถูกลดโอที ถูกลดเงินเดือน ถูกลดวันทำงาน ก่อนที่จะถูกเทกระจาดหากไปไม่ไหวจริง ๆ
แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเสนอมาตรการดูแลลูกจ้าง ให้ครม.พิจารณาในวันที่ 3 มี.ค.นี้ แต่มาตรการที่ออกมาจะดูแล จะแก้ไขได้มากน้อยเพียงใด?
เช่นเดียวกับมาตรการดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องกับ
ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่มีแรงงานภาคท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง อีกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน แม้เบื้องต้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท. จะรวมหัวระดมสมอง ร่วมกับภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว จนสะเด็ดน้ำ ได้มาตรการออกมา 5 แนวทางแล้วก็ตาม
แต่ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับการเสริมสภาพคล่อง ให้กับผู้ประกอบการ เสริมสภาพคล่อง ให้กับแรงงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หายใจหายคอกันได้สะดวกขึ้นมาหน่อย
มาตรการที่ระดมกันได้ ต่างเกี่ยวเนื่องกับสถาบันการเงินแทบทั้งนั้น แล้วถามว่า…สถาบันการเงินจะยอมช่วยตามแนวทางที่เสนอมาหรือไม่ ? นี่คือเรื่องใหญ่ เพราะการเรียกร้องแต่เพียงฝ่ายเดียว คงไม่เกิดประโยชน์
เวลานี้ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ต้องแบกรับภาระอย่างหนักจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นประมาณการกันว่าหากการระบาดของโรคร้ายสามารถหยุดได้ภายในเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ราว ๆ 3 แสนล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็หายไป 6 ล้านคน
ถ้าทุกอย่างหาย ทุกอย่างยุติ ช่วงที่เหลือของปีก็อาจฟื้นฟู ฟื้นชีพกันขึ้นมาเพื่อพยุงประคับประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้ากันต่อไปได้เพราะภาคการท่องเที่ยวนั้นสร้างรายได้ให้กับประเทศคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20%
ขณะที่การออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ด้วยการเดินหน้า โครงการชิมชอปใช้ ระยะที่ 4 ต่อไปอีก คงไม่ใช่ช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะต้องยอมรับว่า เวลานี้คนไทยน้อยคนนักที่ยังมีอารมณ์ที่อยากเดินทางท่องเที่ยว หรืออยากเดินทางออกไปจับจ่ายใช้สอย
ต่อให้รัฐบาลยอมจ่ายเงินให้ใช้ฟรีอีกคนละ 1,000 บาท เหมือนอย่างที่เคยทำมาแล้วในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 แต่ด้วยบรรยากาศ ด้วยอารมณ์ ของคนไทย ก็คงไม่มีใครมีอารมณ์ใช้เงินแต่หากเป็นเรื่องของการซื้อของออนไลน์ ก็อาจช่วยได้บ้าง แต่ก็อาจแตกต่างกัน
ดูอย่างขนาดการซื้อลอตเตอรี่ บรรดายี่ปั๊ว ซาปั๊วต่างดาหน้ากันออกมาบอกว่าเป็นวิกฤติในรอบ 10 ปี ทีเดียว เพราะไม่ใช่เพียงแค่ไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เซียนหวย ไม่อยากออกไปหาซื้อหวยหาซื้อลอตเตอรี่ เท่านั้น
แต่เรื่องราวความโหดร้ายการกราดยิงในห้างสรรพสินค้า ที่เกิดขึ้นมาเป็นระลอก ๆ ก็ทำให้เซียนหวย หรือแม้แต่ประชาชนธรรมดา ๆ ที่เพียงแค่อยากเสี่ยงโชค ก็เกิดอาการ “แหยง” ไม่กล้าไปเดินห้าง เพราะไม่รู้ตัวเองจะโดนลูกหลงเข้าเมื่อไหร่
รวมไปถึงการยกเลิกตลาดค้าส่งค้าปลีกลอตเตอรี่ที่สี่แยกคอกวัวอย่างเป็นทางการ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้การออกไปเดินหาซื้อลอตเตอรี่นั้นซบเซาตามกันไปด้วย
ทั้งหลายทั้งปวง เสียงสะท้อน เสียงเรียกร้องต่าง ๆ ที่ออกมา ก็ย่อมต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะตัดสินใจ จะรับมือกันอย่างไร? แต่ที่แน่ๆ บรรดาท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายต้องคิดให้หนักกันซักหน่อยว่าเวลานี้…ใช่หรือเปล่า ที่จะมาเรียกร้องขอเก้าอี้!!!
---------------------------------
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”
ข่าวเศรษฐกิจล่าสุด