ในการทำเว็บ เราจะใช้ HTML เป็นหลักครับ อย่าลืมว่า HTML เองก็เป็น Markup Language ชนิดหนึ่ง ซึ่งมันจะทำหน้าที่อธิบายเนื้อหาต่างๆ ในหน้าเว็บของเราว่ามันคืออะไร ส่วนนี้เป็นเมนูนะ ส่วนนี้เป็นหัวข้อนะ และส่วนนี้เป็นรูปภาพนะ เป็นต้น มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ศัพท์เหล่านี้ด้วย ไปติดตามดูกันเลย
HTML คืออะไร?
- HTML ย่อมาจาก “Hyper Text Markup Language”
- HTML เป็น Markup Language ชนิดหนึ่ง
- Markup Language คือภาษาที่ใช้ Tags ในการอธิบายความหมายของเนื้อหา
- HTML เป็นภาษาที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจ
- เว็บเพจคือหน้าแต่ละหน้าของเว็บไซต์
HTML Tags
- HTML ใช้ Tags ในการอธิบายความหมายของเนื้อหา
ในการสร้าง HTML Tags ให้เราครอบ “ชื่อ Tag” ด้วยเครื่องหมาย ‘<>’ แบบนี้ <ชื่อ Tag>
- โดยปกติแล้ว เราจะใช้ HTML Tags เป็นคู่ เช่น <header> กับ </header> เนื้อหาอะไรก็ตามที่อยู่ระหว่าง HTML tags คู่นี้จะถือเป็น “header”
- เราจะเรียก HTML Tag ตัวแรกว่า “Tag เปิด” และจะเรียก HTML Tag ตัวหลังว่า “Tag ปิด”
- “Tag ปิด” จะมีหน้าตาคล้ายกับ “Tag เปิด” แต่จะมี ‘/’ เพิ่มมาที่หน้า “ชื่อ Tag”
- อย่างไรก็ตาม HTML Tag บางตัวจะมีแค่ “Tag เปิด” เท่านั้น เช่น <br> ที่หมายถึงการขึ้นบรรทัดใหม่ จะเห็นว่า <br> มีความหมายสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องเอามันไปครอบเนื้อหาอะไรอีก
HTML Elements
- เราจะเรียก “Tag เปิด”, เนื้อหาที่อยู่ภายใน และ “Tag ปิด” รวม 3 อย่างนี้ว่า “HTML Elements”
- “HTML Elements” หรือ"
Data88bet" ก็คือสิ่งที่ “HTML Tag” สร้างขึ้นมา ซึ่งมันก็คือเนื้อหาที่มีความหมายนั่นเอง
HTML Attributes
- HTML Elements ต่างๆ สามารถใส่ “Attributes(ลักษณะ)” เพิ่มได้ โดยเราจะใส่ Attributes หากต้องการระบุลักษณะเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HTML Elements นั้นๆ
- Attributes ของ HTML Elements จะใส่ไว้ที่ “Tag เปิด” เสมอ
- Attributes จะประกอบไปด้วย “ชื่อของ Attribute” และ “ค่าของ Attribute”
- Attributes ของแต่ละ HTML Elements จะแตกต่างกันออกไป
- ลองดูตัวอย่างนี้ <คน เพศ=”ชาย” อายุ=”56″>Steve Jobs</คน> จะได้ว่า HTML Elements นี้มีชื่อว่า “คน” และมี Attributes เป็น “เพศ” และ “อายุ” จะเห็นว่า Attributes ช่วยทำให้ความหมายของ HTML Elements มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยจ้า
Credit : siamhtml.com