รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

**ประกาศ!! เนื่องจากต้นทุนค่าโฮสติ้งสูงขึ้นมาก รบกวนสมาชิกใหม่(สมัครใหม่จะยังไม่อนุมัติ จนกว่าจะโอน) และเก่า(ทุกUserจะโดนลบ หากไม่โอนช่วย) โอนช่วยค่าโฮส ปีละ 200 บาท ด้วยนะครับ ติดต่อ Add Line : @posthitz

ผู้เขียน หัวข้อ: ที่พบเเละที่มาของ  (อ่าน 376 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

teareborn

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
    • ดูรายละเอียด
ที่พบเเละที่มาของ
« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2017, 02:46:22 AM »

Permalink: ที่พบเเละที่มาของ

แอล-คาร์นิทิน

คือ  แอลคานิทีน  (L-carnitine)  หรือ                                                                         คาร์นิทีน (carnitine) ได้มาจากภาษาละติน แปลว่า เนื้อสด                                                                    เนื่องจากครั้งแรกสกัดได้  และจากกล้ามเนื้อของหมูคาร์นิทีน                                                                                มีโครงสร้างเป็น quaternary amine เป็นสารที่สร้างในตับ                                                                    และไตของคนเรา  คาร์นิทิน เป็นสารประกอบจตุรภูมิของ                             (L-carnitine)                       แอมโมเนียมที่สังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโนสองชนิด คือ ไลซีนและเมธไทโอนีน  ในการสังเคราะห์คาร์นิ-ทีน ภายในร่างการอาศัย cofactor ได้แก่ วิตามินซี,  ไนอะซิน, วิตามินบี และเหล็ก โดยสามารถใช้พลังงานจาก fatty acid oxidation ได้ทั้งนี้    คาร์นิทีน   และจะถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ   และน้ำดี คาร์นิทีนมีอยู่  2 stereoisomers : Active firm คือ  L-carnitine ขณะที่ inactive form คือ D-carnitine เดิมคาร์นิทีน  ยังพบว่าเป็นปัจจัยในการเจริญเติบโตของหนอนนก  และมีอยู่บนฉลากวิตามินบีB
แอลคานิทิน  ประกอบด้วย คาร์นิทิน เป็นกรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino Acids) ที่ร่างกายสร้างขึ้นจากการสังเคราะห์  กรดอะมีโน 2 ตัว คือ ไลซีน (Lysine) และเมทไธโอนีน (Methionone) โดยกรดอะมิโนทั้ง 2 ชนิดนี้ มีสาระสำคัญดังนี้

  • ไลซีน (Lysine) คือ  กรดอะมิโน ชนิดหนึ่ง ซึ่งจัดเป็น กรดอะมิโนจำเป็น ซึ่งร่างกายไม่อาจสร้างเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากสารอาหารอื่นๆ ไลซีน และยังมีมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสร้างโปรตีนที่สำคัญต่อร่างกาย โดยร่างกายต้องการไลซีนเพื่อการเจริญเติบโต การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การสร้างภูมิต้านทาน ฮอร์โมน รวมถึงเอนไซม์ต่างๆ

    ประโยชน์ของกรดอะมิโนไลซีน ที่มีต่อร่างกาย

  • ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายยังมีส่วนในการช่อยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย
  • เสริมสร้างภูมิต้านทาน มีฮอร์โมน และเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย
  • กำจัดโรคต่างๆ ที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น โรคเริม (Herpes) , โรคติดเชื้อไวรัสเอ็มสไตบาร์ โรคติดเชื้ออีบีวี (Epstein-Barr virus infection) ,โรคงูสวัด (Shingles)
  • ช่วยเสริมสร้างสมาธิให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
  • ช่วยให้ร่างกายนำกรดไขมันมาใช้เผาผลาญให้เป็นพลังงาน
  • ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ยังป้องกันและรักษาโรคกระเพาะ
  • ป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยบรรเทาปัญหาด้านการสืบพันธุ์บางประการ
  • ช่วยรักษาเด็กส่าไข้
  • ช่วยปรับสมดุลของระดับไนโตรเจนและช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
  • ช่วยรักษาอาการที่มีจากหัวใจขาดเลือด
อาการที่บ่งบอกถึงภาวการณ์ขาดกรดอะมิโนไลซีน หากคุณรู้สึกเหนื่อยง่าย ไม่มีสมาธิ ตาแดงเพราะเส้นเลือดฝอยแตก คลื่นไส้ วิงเวียน ผมร่วงและมีภาวะโลหิตจางและสำหรับผู้เป็นมังสวิรัติอาจมีความเสี่ยงที่ร่างกายจะขาดไลซีนได้หาร่างกายได้รับไลซีนไม่เพียงพอเราสามารถรับรู้ถึงสัญญาณบางอย่างของการขาดไลซีน อย่างเช่น การเป็นโรคโลหิตจาง และยังอาการเมื่อยล้า ยังเบื่ออาหารคลื่นไส้  และอาจทำให้เกิดโรคนิ่วในไต  คนสูงอายุโดยเฉพาะในเพศชาย  จะต้องการ ไลซีน มากกว่าคนอายุน้อย แต่อายุต่ำกว่า 10 ขวบ ไม่ควรทานไลซีนเสริม หากคุณเป็นโรคเริ่ม แนะนำให้ทานไลซีนเสริมในขนาด 3 – 6 กรัมต่อวัน ร่วมกับอาหารที่มีไลซีนสูง ใช้สำหรับตุ่มน้ำใสหรือแผลพุพอที่ปาก  แนะนำให้ทานไลซีนเสริม 500 – 1000 มล.ต่อวัน จะป้องกันอาการกำเริบได้ดีมาก
แหล่งที่มีพบกรดอะมิโนไลซีน ในธรรมชาติ ไข่ นม ชีส ยีสต์ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และอาหาร ที่มีโปรตีนสูงทุกชนิด

  • เมทไธโอนีน (Methionone) จัดอยู่ในกลุ่ม กรดอะมิโนจำเป็น (essential amino acids) เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
  • เมไธโอนีน เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยในการย่อยสลายไขมัน และมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในตับและยังช่วยป้องกันการเกิดโรคซึมเศร้า และจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง เช่นเดียวกับซีสทีนและช่วยป้องกันร่างกายจากสารพิษและช่วยเยียวยาอาการของผู้ป่วยโรคจิตเภทบางราย โดยจะช่วยลดระดับของสารฮีสตามีนในเลือดซึ่งอีสตามีนเป็นตัวการที่ทำให้สมองส่งผ่านสื่อประสาทที่ผิดไปจากความเป็นจริง
  • เมไธโอนีน ยังมีประโยชน์ต่อผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิด เนื่องจาก  และยังช่วยเพิ่มการขับเอสโทรเจนส่วนเกินออกจากร่างกายได้ เมทไธโอนี ยังเป็นผู้ให้ เมธิน ที่เรียกว่ากลุ่มเมธิล ที่ให้ความหลากหลายทางเคมีและปฏิกิริยาการเผาผลาญภายในร่างกาย
  • หน้าที่สำคัญของเมไธโอนีน คือ เป็นแหล่งที่ให้ซัลเฟอร์ (Sulfur) หรือที่เราเรียกว่ากำมะถัน และสารประกอบอื่นๆ ที่จำเป็นแกร่างกาย โดยร่างกายจะใช้กำมะถันสำหรับการเผาผลาญและการเจริญเติบโตตามปกติ และหากร่างกายขาดหรือมีปริมาณของกำมะถันที่ไม่เพียงพอ และร่างกายจะไม่สามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระยังไม่สามารถนำสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้รับมาจากแหล่งต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีกด้วย
  • เมทไธโอนีน จะถูกนำไปใช้สร้างเป็นกรดอะมิโน ซีสตีน (cysteine) ซึ่งหากร่างกายได้รับกรดอะมิโนเมทไธโอนีนไม่เพียงพอจะมีผลให้เกิดอาการซึมเศร้า ระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย และผิวหนังที่เป็นแผลจะหายช้ากว่าปกติ
  • นอกจากนี้ เมไธโอนีน ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเกิด โฮโมซีสเทอีน ซึ่งเป็น กรดอะมิโนที่ประกอบไปด้วยซัลเฟอร์ (Sulfur) เป็นการเผาผลาญของกรดอะมิโนเมไธโอนีน ในช่วงระหว่างการเผาผลาญปกติภายในร่างกาย และมันจะถูกย่อยให้อยู่ในรูปของ โฮโมซีสเทอีน โดยจะถูกย่อย และถูกเปลี่ยนเป็น ซีสเทอีน อีกครั้งหนึ่ง (ไม่ก่อให้เกิดอันตราย) และมันจะถูกเปลี่ยนกลับเป็น เมไธโอนีน ในขั้นตอนนี้เอนไซม์ต้องการวิตามินบี 12 และกรดโฟลิก เป็นผู้ช่วยในการเปลี่ยนสสสารชนิดนี้กลับไปเป็น เมไธโอนีน อีกครั้งหนึ่ง
  • ระดับของโฮโมซีสเทอีน ที่เพิ่มสูงขึ้น ยังจะส่งผลต่อความเป็นพิษโดยตรง และเกิดผลแห่งการอักเสบบริเวณเยื่อบุผิดของหลอดเลือด  จึงเป็นผลให้กลุ่มคนที่มีโฮโมซีสเทอีน สูงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจสูงถึง 3 เท่า ยิ่งระดับของ โฮโมซีสเทอีนยิ่งมาก ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหบอดเลือกสมองตีบ จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่มีระดับโฮโมซีสเทอีนสูง มีการขาดแคลน วิตามินบี6, วิตามินบี12 และกรดโฟลิก
  • เมทไธโอนีน สามารถเปลี่ยนไปเป็น SAMe (S-Adenosyl Methionine) ซึ่งเป็นสารเคมีธรรมชาติที่มีอยู่ในทุกเซลล์ของร่างกาย และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคข้ออังเสบด้วยการเพิ่มระดับสารโปรทีโอไกลแคน (proteglycan) ในเลือด โปรทีโอไกลแคน ยังมีบทบาทสำคัญในการปกป้องกระดูกอ่อน โดยสามารถรักษาสภาพกระดูกอ่อน และเพิ่มจำนวนออกซิเจนในข้อ มีงานวิจัยพบว่า SAM-e มีประสิทธิภาพบรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบได้เท่ากับยาไอบูโพรเฟน
  • เมทไธโอนีน เป็นสารต้านอีสตามีน (anti-histamine) เนื่องจากฮิสตามีนเป็นสารเคมีตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาการแพ้ต่างๆ เมทไธโอนีน จึงช่วยลดอาการแพ้ต่างๆ และยับยั้งการหลั่งสารก่อภูมิแพ้ฮีสตามีนและสารก่อภูมิแพ้ฮีสตามีนและสารก่อภูมิแพ้อื่นๆจากการบริโภคอาหารที่มีระดับของฮีสตามีน (Histamine) สูง สารก่อภูมิแพ้ (allergen) ได้แก่ สารต่างๆทั้งที่มีอยู่เองตามธรรมชาติ หรือสารที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น โดยทั่วไปคนที่เป็นโรคภูมิแพ้สารต่อไปนี้ คือ ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ พิษแมลง อาหาร (เช่นไข่ นม ปลา อาหารทะเล)
  • เมทไธโอนีน เสริมประสิทธิภาพการทำงานของตับอ่อน จึงช่วยแก้ปัญหาระบบการย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น


แหล่งที่พบ / แหล่งที่มาของแอลคานิทีน  ของแอลคาเนทินในธรรมชาติ
อาหาร   แหล่งของคาร์นิทีนที่มีมากพบในเนื้อแดง และผลิตภัณฑ์จากนม คาร์นิทีนจากแหล่งธรรมชาติอื่นๆ ประกอบด้วยถั่วและเมล็ดพืช (เช่น ฟักทอง ทานตะวัน งา) พืชตระกูลถั่วหรือเมล็ดถั่ว (ถั่วเหลือง, ถั่วเขียว, ถั่วแขก, ถั่วลิสง) ผัก (อาร์ติโชค, หน่อไม้ฝรั่ง, หัวผักกาดเขียว, บร็อคโคลี่, กะหล่ำดาว, ผักคอลลาร์ด, กระเทียม, ผักกาดเขียวปลี, กระเจี๊ยบมอญ, พาสลี่ย์, คะน้า) ผลไม้ (แอปปริคอท, กล้วย) ธัญพืช ( บัควีท(buckwheat), ข้าวโพด, ลูกเดือย, ข้าวโอ๊ต, รำข้าว, ข้าวไรย์, ข้าวสาลี, รำข้าวสาลี, จมูกข้าวสาลี) และอื่นๆที่เป็นอาหารน้ำส้มสุขภาพ (ละอองเกสรดอกไม้, ยีสต์ที่ใช้หมักสุรา, carob)
 
โดยทั่วไป 20 ถึง 200 มก.คือปริมาณของคาร์นิทีนที่ควรได้รับต่อวัน ด้วยเหตุนี้ผู้ที่เคร่งครัดในการรับประทานมังสวิรัติจะกินเพียง 1 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่มีประโยชน์เกิดขึ้นถ้ากินคาร์นิทีนมากกว่า 2 กรัมภายในครั้งเดียว เพราะว่าร่างกายสามารถดูดซึมได้สูงสุดได้เพียง 2 กรัม
แหล่งที่มาอื่นๆ โดยทั่วไปร่างกายได้รับคาร์นิทีนจากอาหารและจำนวนร้อยละ 75 ที่เหลือจึงได้จากการสังเคราะห์ภายในร่างกาย แหล่งคาร์นิทีนอื่น ที่พบได้อยู่ในวิตามิน, เครื่องดื่มชูกำลังและผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกหลากหลาย
 



โฆษณาสินค้าฟรี ประกาศขายสินค้าฟรี โปรโมทเว็บฟรี

ที่พบเเละที่มาของ
« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2017, 02:46:22 AM »
SEO